หลักสูตรใหม่! เด็กไทยต้องเรียน AI-จริยธรรมดิจิทัล


หลักสูตรใหม่! เด็กไทยต้องเรียน AI-จริยธรรมดิจิทัล

สารบัญ

ระบบการศึกษาไทยกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อมีการประกาศให้ หลักสูตรใหม่! เด็กไทยต้องเรียน AI-จริยธรรมดิจิทัล กลายเป็นวิชาบังคับในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทั่วประเทศ การปรับเปลี่ยนนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเตรียมความพร้อมให้แก่เยาวชนสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยไม่ได้มุ่งเน้นเพียงทักษะทางเทคนิค แต่ยังให้ความสำคัญกับการปลูกฝังความเข้าใจด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีอีกด้วย

สรุปประเด็นสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย

  • การบรรจุวิชาบังคับใหม่: กระทรวงศึกษาธิการเตรียมบรรจุวิชา ‘พลเมืองดิจิทัลและจริยธรรม AI’ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรแกนกลางสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมปลาย โดยคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ในปีการศึกษา 2569
  • ขยายผลจากระดับอุดมศึกษา: แนวคิดนี้ต่อยอดมาจากหลักสูตรนำร่องในระดับมหาวิทยาลัย เช่น หลักสูตร ‘จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI Ethics)’ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่จะเริ่มสอนในเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่ใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบ
  • เน้นจริยธรรมควบคู่ทักษะ: หัวใจของหลักสูตรใหม่ไม่ใช่แค่การสอนให้เขียนโค้ดหรือสร้าง AI แต่คือการสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบของ AI ต่อสังคม สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม และความโปร่งใส
  • เตรียมพร้อมสู่ TCAS69 และอนาคต: การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลโดยตรงต่อนักเรียนที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป ซึ่งทักษะด้านดิจิทัลและ AI จะกลายเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญ

การปรับหลักสูตรครั้งใหญ่นี้นับเป็นก้าวสำคัญที่บ่งชี้ว่าประเทศไทยตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก การเรียนรู้เรื่อง AI และจริยธรรมดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นทักษะจำเป็นสำหรับการเป็นพลเมืองในศตวรรษที่ 21

ทำไม AI และจริยธรรมดิจิทัลจึงกลายเป็นวิชาบังคับ?

ทำไม AI และจริยธรรมดิจิทัลจึงกลายเป็นวิชาบังคับ?

ในทศวรรษที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้แทรกซึมเข้ามามีบทบาทในทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่การแนะนำสินค้าออนไลน์ ระบบนำทาง ไปจนถึงการวินิจฉัยทางการแพทย์และการตัดสินใจในภาคธุรกิจ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีนี้ได้สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายมหาศาล สังคมทั่วโลกต่างเผชิญกับคำถามเชิงจริยธรรมที่ซับซ้อน เช่น ความลำเอียงของอัลกอริทึม (Algorithmic Bias) ที่อาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ, ปัญหาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล, และผลกระทบต่อตลาดแรงงานจากการเข้ามาแทนที่ของระบบอัตโนมัติ

ด้วยเหตุนี้ หลายประเทศจึงเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการให้การศึกษาด้าน AI และจริยธรรมดิจิทัลแก่พลเมืองตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับประเทศไทย การตัดสินใจบรรจุวิชานี้เป็นวิชาบังคับมีเหตุผลหลักหลายประการ:

  1. การสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัล: เยาวชนคือกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากที่สุดและมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ข่าวปลอม (Fake News) หรือการถูกชักจูงโดยอัลกอริทึม การสอนให้เข้าใจหลักการทำงานเบื้องหลังและตระหนักถึงประเด็นทางจริยธรรมจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้พวกเขาสามารถใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัยและรู้เท่าทัน
  2. การเตรียมความพร้อมสำหรับตลาดแรงงานอนาคต: ทักษะที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Data Science กำลังเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดแรงงาน การปูพื้นฐานความรู้เหล่านี้ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสร้างบุคลากรที่ไม่ได้มีเพียงความสามารถทางเทคนิค แต่ยังมีความเข้าใจในมิติทางสังคมและจริยธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่นายจ้างยุคใหม่มองหา
  3. การส่งเสริมการเป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีความรับผิดชอบ: การเป็นพลเมืองในโลกยุคใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโลกกายภาพอีกต่อไป การกระทำบนโลกออนไลน์ล้วนส่งผลกระทบต่อผู้อื่นและสังคมในวงกว้าง หลักสูตรนี้มุ่งหวังที่จะสร้าง พลเมืองดิจิทัล (Digital Citizen) ที่เข้าใจสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของตนเอง สามารถตัดสินใจและออกแบบเทคโนโลยีโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม

ดังนั้น การนำหลักสูตร AI และจริยธรรมดิจิทัลมาใช้ จึงไม่ใช่เพียงการปรับปรุงการศึกษาเพื่อให้ทันสมัย แต่เป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของประเทศในยุคที่เทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อทุกย่างก้าวของชีวิต

เจาะลึกหลักสูตรใหม่: จากมหาวิทยาลัยสู่ห้องเรียนมัธยม

การขับเคลื่อนเรื่องการศึกษาด้าน AI และจริยธรรมดิจิทัลในประเทศไทยเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มต้นจากระดับอุดมศึกษาเพื่อสร้างองค์ความรู้และบุคลากรต้นแบบ ก่อนจะขยายผลลงสู่การศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เยาวชนทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้ที่จำเป็นนี้ได้

ก้าวแรกในระดับอุดมศึกษา: กรณีศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาชั้นนำที่เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นนี้ และได้เปิดตัวหลักสูตร จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI Ethics) อย่างเป็นทางการภายใต้ยุทธศาสตร์ Thammasat Next Century โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการปลูกฝังให้นักศึกษาสามารถใช้ AI ได้อย่างมีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม

หลักสูตรนี้จะเริ่มต้นด้วยรายวิชาศึกษาทั่วไป รหัส TU280 จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์สำหรับผู้นำอนาคต (Artificial Intelligence Ethics for Leader of the Future) ซึ่งมีกำหนดเปิดสอนครั้งแรกในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2568 ความน่าสนใจของรายวิชานี้คือการเปิดกว้างให้นักศึกษาจากทุกคณะสามารถลงทะเบียนเรียนได้ สะท้อนแนวคิดที่ว่าความเข้าใจเรื่อง AI Ethics ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบัณฑิตในทุกสาขาอาชีพ

เป้าหมายสำคัญของหลักสูตรนี้ คือการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มอง AI เป็นเพียงเครื่องมือทางเทคโนโลยี แต่เข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาค และความโปร่งใสในสังคม

รูปแบบการเรียนการสอนจะเน้นการวิเคราะห์กรณีศึกษา (Case Study) ที่เกิดขึ้นจริงทั่วโลก และการจัดเวทีถกเถียงเชิงจริยธรรม (Ethical Debate) เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกฝนการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณและรอบด้าน สามารถประเมินความเสี่ยงและผลกระทบของเทคโนโลยี AI ในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

การวางรากฐานตั้งแต่เยาว์วัย: บทบาทของ สสวท.

ในขณะที่ระดับมหาวิทยาลัยเริ่มสร้างผู้นำรุ่นใหม่ การศึกษาในระดับขั้นพื้นฐานก็มีการวางรากฐานที่สำคัญควบคู่กันไป โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ริเริ่มโครงการออกแบบหลักสูตร AI สำหรับนักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนปลายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567

หลักสูตรของ สสวท. ได้รับการพัฒนาโดยอ้างอิงจากกรอบแนวทางที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น AI4K12 และ AI Competency Framework ของ UNESCO จากนั้นนำมาปรับให้เข้ากับบริบทของสังคมและวัฒนธรรมไทย เนื้อหาหลักสูตรถูกแบ่งออกเป็น 5 โมดูลการเรียนรู้ที่ครอบคลุมมิติต่างๆ ของ AI ได้แก่:

  • ประวัติศาสตร์ AI: ทำความเข้าใจความเป็นมาและพัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์
  • เทคนิค Supervised Learning: เรียนรู้หลักการพื้นฐานของการสอนให้ AI เรียนรู้จากข้อมูลที่มีการกำกับดูแล
  • การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP): สำรวจเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและสื่อสารด้วยภาษามนุษย์
  • คอมพิวเตอร์วิชัน (Computer Vision): ศึกษาการทำให้คอมพิวเตอร์สามารถ “มองเห็น” และตีความภาพหรือวิดีโอได้
  • Generative AI: ทำความรู้จักกับ AI ที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ๆ ได้ เช่น ข้อความ รูปภาพ หรือดนตรี

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ในทุกโมดูลจะมีการสอดแทรกประเด็นด้านจริยธรรม ความรับผิดชอบ และผลกระทบต่อสังคมเข้าไปด้วย เพื่อให้เยาวชนไทยเติบโตขึ้นมาเป็นทั้งผู้ใช้งาน ผู้พัฒนา และผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ที่มีคุณภาพและคุณธรรม

แก่นแท้ของหลักสูตร: มากกว่าแค่การเขียนโค้ด

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเรียน AI คือการมุ่งเน้นไปที่ทักษะการเขียนโปรแกรมหรือคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับหลักสูตรใหม่ของไทย แก่นแท้ของมันกลับไปไกลกว่านั้น โดยให้ความสำคัญกับการสร้าง “มนุษย์” ที่สามารถอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างสมดุลและมีวิจารณญาณ

ตารางเปรียบเทียบแนวทางการสอนระหว่างหลักสูตร IT แบบดั้งเดิมและหลักสูตร AI และจริยธรรมดิจิทัลใหม่
มิติการเรียนรู้ หลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศแบบดั้งเดิม หลักสูตร AI และจริยธรรมดิจิทัลใหม่
เป้าหมายหลัก สร้างผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค สามารถพัฒนาและบำรุงรักษาระบบ สร้างพลเมืองดิจิทัลที่รับผิดชอบ สามารถใช้งานและกำกับดูแล AI ได้อย่างมีจริยธรรม
ทักษะที่เน้น การเขียนโปรแกรม, การจัดการฐานข้อมูล, เครือข่ายคอมพิวเตอร์ การคิดเชิงวิพากษ์, การให้เหตุผลเชิงจริยธรรม, การวิเคราะห์ผลกระทบ, ทักษะทางเทคนิค AI
องค์ประกอบด้านจริยธรรม อาจเป็นวิชาเลือก หรือสอดแทรกในบางหัวข้อ (เช่น ความปลอดภัยของข้อมูล) เป็นหัวใจหลักของหลักสูตร บูรณาการในทุกหัวข้อการเรียนรู้
ผลลัพธ์ของผู้เรียน นักพัฒนาซอฟต์แวร์, ผู้ดูแลระบบ ผู้ใช้งาน, ผู้พัฒนา, ผู้วางนโยบาย, และผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีและสังคม

พลเมืองดิจิทัล: ความรับผิดชอบในยุค AI

แนวคิดเรื่อง พลเมืองดิจิทัล เป็นหัวใจสำคัญของหลักสูตรใหม่นี้ ซึ่งหมายถึงบุคคลที่สามารถเข้าถึง มีส่วนร่วม และสร้างสรรค์บนโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และมีจริยธรรม หลักสูตรจะสอนให้นักเรียนเข้าใจว่าทุกการกระทำบนโลกดิจิทัลทิ้งร่องรอย (Digital Footprint) และส่งผลกระทบได้เสมอ การพัฒนาหรือใช้งาน AI จึงต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ 3 ระดับ:

  • ในฐานะผู้ใช้งาน (User): ต้องสามารถตั้งคำถามต่อผลลัพธ์ที่ AI นำเสนอ ไม่เชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย และตระหนักว่า AI อาจมีอคติแฝงอยู่
  • ในฐานะผู้ตัดสินใจ (Decision Maker): สำหรับผู้ที่จะเป็นผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการในอนาคต ต้องสามารถตัดสินใจได้ว่าจะนำ AI มาใช้ในองค์กรอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ละเมิดสิทธิของพนักงานหรือลูกค้า
  • ในฐานะผู้ออกแบบ (Designer): สำหรับผู้ที่จะก้าวไปเป็นนักพัฒนา ต้องคำนึงถึงการออกแบบระบบ AI ที่มีความเป็นธรรม โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรก

ผลกระทบต่อสังคมและสิทธิมนุษยชน

หลักสูตรจะพานักเรียนไปสำรวจประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงจากเทคโนโลยี AI เช่น ระบบคัดกรองใบสมัครงานที่อาจมีอคติต่อเพศหรือเชื้อชาติ, การใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในการสอดส่องดูแลของภาครัฐที่อาจละเมิดความเป็นส่วนตัว, หรือการสร้างสรรค์ภาพและเสียงปลอม (Deepfake) ที่อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด การเรียนรู้ผ่านกรณีศึกษาเหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาความสามารถในการมองเห็นปัญหาที่ซับซ้อนและตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ในยุคดิจิทัล

การเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนและผู้ปกครอง

การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรครั้งนี้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงทิศทางของอนาคตการศึกษาและการทำงาน นักเรียนและผู้ปกครองจึงควรเริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนที่เกี่ยวข้องกับระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย TCAS69 เป็นต้นไป

ทักษะแห่งอนาคตที่นักเรียนจะได้รับ

นอกเหนือจากความรู้ทางเทคนิคเกี่ยวกับ AI แล้ว นักเรียนที่ผ่านหลักสูตรนี้จะได้รับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในทุกสาขาอาชีพ ได้แก่:

  • การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking): ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล ประเมินความน่าเชื่อถือ และตั้งคำถามต่อสิ่งที่ AI นำเสนอ
  • การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน (Complex Problem Solving): การมองเห็นปัญหาจากหลายมิติ ทั้งด้านเทคนิค สังคม และจริยธรรม เพื่อหาทางออกที่สมดุล
  • ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity): การนำความสามารถของ AI มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ
  • ความฉลาดทางอารมณ์และสังคม (Emotional & Social Intelligence): การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการเข้าใจผลกระทบของเทคโนโลยีต่อความรู้สึกและพฤติกรรมของมนุษย์

ผู้ปกครองจะสนับสนุนบุตรหลานได้อย่างไร?

บทบาทของผู้ปกครองมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างทัศนคติที่ถูกต้องต่อเทคโนโลยี การสนับสนุนไม่จำเป็นต้องมาในรูปแบบของการส่งไปเรียนพิเศษราคาแพง แต่สามารถทำได้ผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น:

  1. เปิดบทสนทนาเกี่ยวกับเทคโนโลยี: ชวนบุตรหลานพูดคุยเกี่ยวกับข่าวสารด้าน AI ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ถามความเห็นเกี่ยวกับข้อดีข้อเสีย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการคิดวิเคราะห์
  2. เรียนรู้ไปพร้อมกัน: สำรวจเครื่องมือ AI ต่างๆ ที่มีให้ใช้งานฟรีบนอินเทอร์เน็ตพร้อมกับบุตรหลาน เช่น โปรแกรมสร้างภาพ หรือ Chatbot เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเห็นภาพการทำงานจริง
  3. ส่งเสริมการตั้งคำถาม: สอนให้ตั้งคำถามว่า “ทำไม” และ “อย่างไร” เมื่อใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น “ทำไม YouTube ถึงแนะนำวิดีโอนี้ให้เราดู?” เพื่อให้เข้าใจหลักการทำงานของอัลกอริทึมเบื้องต้น
  4. เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว: ให้ความรู้เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ เพื่อสร้างพฤติกรรมการใช้งานที่ปลอดภัย

การสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างต่อการเรียนรู้และตั้งคำถามเกี่ยวกับเทคโนโลยีภายในครอบครัว จะเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการเตรียมความพร้อมให้บุตรหลานก้าวสู่โลกอนาคตได้อย่างมั่นคง

บทสรุป: ก้าวต่อไปของการศึกษาไทยในโลกดิจิทัล

การประกาศให้ หลักสูตรใหม่! เด็กไทยต้องเรียน AI-จริยธรรมดิจิทัล เป็นวิชาบังคับ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญและเป็นการเคลื่อนไหวเชิงรุกของระบบการศึกษาไทยในการรับมือกับความท้าทายของโลกยุคใหม่ การดำเนินการที่สอดประสานกันระหว่างสถาบันระดับอุดมศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน่วยงานที่ดูแลการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่าง สสวท. แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพครบวงจร

หัวใจของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่การสร้างชาติให้เป็นเพียงผู้ตามเทคโนโลยี แต่คือการสร้างคนรุ่นใหม่ที่สามารถเป็น “ผู้กำกับ” เทคโนโลยีได้ คือสามารถใช้งาน พัฒนา และควบคุม AI ได้อย่างเข้าใจถึงผลกระทบในทุกมิติ โดยมีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นที่ตั้ง นี่คือการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันและความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว

สำหรับนักเรียน ผู้ปกครอง และผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงการศึกษา การติดตามและทำความเข้าใจพัฒนาการของหลักสูตรใหม่นี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงในห้องเรียน แต่คือการวางรากฐานสำหรับอนาคตของประเทศไทยในเวทีโลกดิจิทัล