เฮ! อย. ไฟเขียว ‘เนื้อหมูแล็บ’ เตรียมลงร้านหมูกระทะ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กระแสข่าวที่สร้างความฮือฮาในแวดวงอาหารและผู้บริโภคชาวไทยคือประเด็น “เฮ! อย. ไฟเขียว ‘เนื้อหมูแล็บ’ เตรียมลงร้านหมูกระทะ” ซึ่งกระตุ้นความสนใจได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการกินที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและเทคโนโลยีอาหารรูปแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวดังกล่าวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงและแยกแยะระหว่างข้อมูลที่ได้รับการยืนยันกับข่าวลือที่ยังไม่มีมูล
สรุปประเด็นสำคัญ
- ข่าวยังไม่เป็นทางการ: จากการตรวจสอบข้อมูล ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ที่ยืนยันการอนุมัติให้จำหน่ายเนื้อหมูเพาะเลี้ยงจากเซลล์ หรือ ‘เนื้อหมูแล็บ’ ในเชิงพาณิชย์
- เทคโนโลยีมีอยู่จริง: เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง (Cultivated Meat) เป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่จริงและกำลังพัฒนาไปทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกที่ยั่งยืนและมีมนุษยธรรม
- ความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ: ก่อนที่ผลิตภัณฑ์อาหารใหม่จะวางจำหน่ายได้ จะต้องผ่านกระบวนการประเมินความปลอดภัยและกฎระเบียบที่เข้มงวดจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น อย. เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค
- อนาคตที่ต้องจับตา: แม้จะยังไม่ได้รับการอนุมัติในไทย แต่เทคโนโลยีเนื้อสัตว์จากแล็บถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญของอุตสาหกรรมอาหาร ที่อาจเข้ามามีบทบาทในอนาคตอันใกล้
ตรวจสอบข้อเท็จจริง: ข่าว อย. ไฟเขียว เนื้อหมูแล็บ
ประเด็นข่าวที่ว่า อย. ไฟเขียว ‘เนื้อหมูแล็บ’ เพื่อจำหน่ายในร้านหมูกระทะนั้น ได้สร้างความตื่นเต้นและคำถามมากมายในสังคม การทำความเข้าใจสถานะที่แท้จริงของข่าวนี้จำเป็นต้องอาศัยการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและไม่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง
สถานะปัจจุบันของข่าว
จากการสืบค้นข้อมูลในฐานข้อมูลสาธารณะและประกาศอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ยังไม่พบหลักฐานที่ยืนยันว่ามีการอนุมัติให้มีการผลิตหรือจำหน่ายเนื้อหมูที่เพาะเลี้ยงจากเซลล์ในประเทศไทยเพื่อการบริโภคในเชิงพาณิชย์ ข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นข่าวที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบ หรืออาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากการตีความข้อมูลการพัฒนาเทคโนโลยีในต่างประเทศ
ข่าวที่ใกล้เคียงที่สุดในแวดวงระดับโลกคือการอนุมัติเนื้อไก่เพาะเลี้ยงในบางประเทศ เช่น สิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรม แต่กรณีดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าผลิตภัณฑ์เดียวกันหรือผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น เช่น เนื้อหมู จะได้รับการอนุมัติโดยอัตโนมัติในประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากแต่ละประเทศมีกฎระเบียบและกระบวนการพิจารณาเป็นของตนเอง
ความสำคัญของการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว การแยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงและข่าวลือมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอาหารและสุขภาพของผู้บริโภค แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดคือหน่วยงานกำกับดูแลโดยตรง เช่น เว็บไซต์หรือช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการของ อย. กระทรวงสาธารณสุข หรือสำนักข่าวหลักที่มีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เข้มแข็ง การพึ่งพาข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่ระบุที่มาหรือส่งต่อกันมาในโซเชียลมีเดียอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดและสร้างความสับสนในวงกว้างได้
ทำความรู้จัก ‘เนื้อหมูจากแล็บ’: อาหารแห่งอนาคต
แม้ว่าข่าวการอนุมัติในไทยจะยังไม่เป็นความจริง แต่แนวคิดเรื่อง “เนื้อหมูจากแล็บ” หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง (Cultivated Meat หรือ Cell-based Meat) นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและน่าจับตามองในฐานะที่เป็น อาหารแห่งอนาคต การทำความเข้าใจพื้นฐานของเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของศักยภาพและความเป็นไปได้
คำจำกัดความ: เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงคืออะไร?
เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงคือเนื้อสัตว์แท้ที่ผลิตขึ้นโดยการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้นอกตัวสัตว์ ซึ่งแตกต่างจากการทำฟาร์มปศุสัตว์แบบดั้งเดิม ผลลัพธ์ที่ได้คือเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อและไขมันที่มีโครงสร้างทางชีวภาพเหมือนกับเนื้อที่ได้จากการเชือดสัตว์ แต่กระบวนการผลิตไม่จำเป็นต้องมีการเลี้ยงดูหรือฆ่าสัตว์ทั้งตัว สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงไม่ใช่เนื้อสัตว์เทียมที่ทำจากพืช (Plant-based meat) และไม่ใช่เนื้อสัตว์ดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) แต่เป็นเนื้อสัตว์จริงที่เติบโตจากเซลล์สัตว์เริ่มต้น
กระบวนการผลิต: จากเซลล์สู่จานอาหาร
กระบวนการผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงมีความซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง โดยสามารถสรุปขั้นตอนหลักได้ดังนี้:
- การเก็บตัวอย่างเซลล์ (Cell Isolation): เริ่มต้นด้วยการเก็บตัวอย่างเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cells) หรือเซลล์กล้ามเนื้อจำนวนเล็กน้อยจากสัตว์ที่มีชีวิต เช่น หมู โดยกระบวนการนี้ทำได้โดยไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่สัตว์
- การเพาะเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเซลล์ (Cell Culture): นำเซลล์ที่ได้ไปใส่ในถังเพาะเลี้ยง (Bioreactor) ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่ควบคุมอุณหภูมิและออกซิเจนอย่างเหมาะสม เซลล์จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต เช่น กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งเปรียบเสมือนกระแสเลือดที่หล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกายสัตว์
- การเพิ่มจำนวนและการพัฒนา (Proliferation and Differentiation): เซลล์จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาล จากนั้นจะถูกกระตุ้นให้พัฒนาไปเป็นเซลล์ประเภทต่างๆ ที่ประกอบเป็นเนื้อสัตว์ คือ เซลล์กล้ามเนื้อ (Muscle cells) และเซลล์ไขมัน (Fat cells)
- การสร้างโครงสร้างเนื้อเยื่อ (Scaffolding): เซลล์ที่พัฒนาแล้วจะถูกนำไปจัดเรียงบนโครงสร้างที่กินได้ (Edible scaffold) เพื่อให้เซลล์ยึดเกาะและเรียงตัวกันเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดเป็นชิ้นเนื้อที่มีเนื้อสัมผัสใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ทั่วไป
- การเก็บเกี่ยว (Harvesting): เมื่อเนื้อเยื่อเติบโตเต็มที่แล้ว จะถูกนำออกจากถังเพาะเลี้ยงมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เช่น เนื้อบด ไส้กรอก หรือเนื้อสเต็กสำหรับบริโภคต่อไป
สถานการณ์ในตลาดโลก
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีบริษัทสตาร์ทอัพหลายสิบแห่งทั่วโลกกำลังวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเซลล์ของสัตว์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นไก่ วัว หมู หรือแม้แต่อาหารทะเล สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติการจำหน่ายเนื้อไก่เพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์เมื่อปี 2020 ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกาในปี 2023 การอนุมัติในประเทศผู้นำเหล่านี้เป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ว่าเทคโนโลยีนี้กำลังก้าวจากการทดลองในห้องปฏิบัติการสู่ตลาดผู้บริโภคจริง อย่างไรก็ตาม การขยายขนาดการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการในวงกว้างยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ
ศักยภาพและประโยชน์ของเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง
การพัฒนาเนื้อสัตว์จากแล็บไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ แต่ยังมาพร้อมกับศักยภาพในการแก้ไขปัญหาระดับโลกหลายประการ โดยมีประโยชน์หลักในด้านความยั่งยืนและความปลอดภัย
แม้ว่าข่าวการอนุมัติเนื้อหมูแล็บโดย อย. จะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้จุดประกายบทสนทนาที่สำคัญเกี่ยวกับอนาคตของอาหาร ความยั่งยืน และทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภค
ความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม
อุตสาหกรรมปศุสัตว์แบบดั้งเดิมเป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ และต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติมหาศาลทั้งที่ดินและน้ำ เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงมีศักยภาพในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคาดว่าจะ:
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: กระบวนการผลิตในถังเพาะเลี้ยงปล่อยก๊าซมีเทนน้อยกว่าการเลี้ยงวัวหรือหมูอย่างมาก
- ลดการใช้ที่ดิน: ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์หรือปลูกพืชอาหารสัตว์ ทำให้สามารถคืนพื้นที่สู่ธรรมชาติได้
- ลดการใช้น้ำ: กระบวนการผลิตใช้น้ำน้อยกว่าการเลี้ยงสัตว์แบบดั้งเดิมหลายเท่าตัว
ความปลอดภัยอาหารและสวัสดิภาพสัตว์
ในด้านความปลอดภัยอาหาร การผลิตในห้องปฏิบัติการที่ปลอดเชื้อช่วยลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคที่มักพบในโรงฆ่าสัตว์ เช่น Salmonella หรือ E. coli นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมปริมาณไขมันและสารอาหารได้ตามต้องการ และลดความจำเป็นในการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาได้อีกทางหนึ่ง
ประเด็นสำคัญอีกประการคือสวัสดิภาพสัตว์ เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงช่วยตอบโจทย์ด้านจริยธรรมโดยไม่จำเป็นต้องมีการเลี้ยงสัตว์ในระบบฟาร์มอุตสาหกรรมที่แออัดและไม่ต้องผ่านกระบวนการเชือด ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจในประเด็นนี้
ความท้าทายและข้อควรพิจารณา
แม้ว่าเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีความท้าทายอีกหลายด้านที่ต้องเอาชนะก่อนที่จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์กระแสหลักในตลาดได้
ต้นทุนการผลิตและราคาจำหน่าย
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือต้นทุนการผลิตที่ยังคงสูงมาก โดยเฉพาะค่าอาหารเลี้ยงเซลล์และค่าใช้จ่ายในการสร้างและดำเนินการถังเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่ แม้ว่าราคาจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะสามารถแข่งขันด้านราคากับเนื้อสัตว์จากฟาร์มทั่วไปได้ การทำให้ราคาเข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคในวงกว้างคือเป้าหมายสำคัญของอุตสาหกรรมนี้
การยอมรับของผู้บริโภค
อุปสรรคทางจิตวิทยาหรือที่เรียกว่า “yuck factor” เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจรู้สึกไม่สบายใจกับแนวคิดการบริโภคเนื้อที่เติบโตในห้องปฏิบัติการ การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการผลิต ความปลอดภัย และประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง การสื่อสารที่โปร่งใสและการสร้างความคุ้นเคยผ่านการตลาดและการให้ข้อมูลจะช่วยเพิ่มการยอมรับจากผู้บริโภคได้
กฎระเบียบและการกำกับดูแลในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทย การจะนำผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงเข้ามาจำหน่ายได้นั้น จำเป็นต้องมีกรอบกฎหมายและกฎระเบียบที่ชัดเจนจากหน่วยงานอย่าง อย. เพื่อกำกับดูแลในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมินความปลอดภัยของกระบวนการผลิต การกำหนดมาตรฐานคุณภาพ การติดฉลากที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคสับสน ไปจนถึงการตรวจสอบย้อนกลับ กระบวนการเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาและพัฒนาเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับประชาชน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมข่าวการอนุมัติจึงเป็นเรื่องใหญ่และต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น
เปรียบเทียบเนื้อหมูทั่วไปและเนื้อหมูเพาะเลี้ยง
คุณลักษณะ | เนื้อหมูจากฟาร์ม (Conventional Pork) | เนื้อหมูเพาะเลี้ยง (Cultivated Pork) |
---|---|---|
แหล่งที่มา | ได้มาจากการเลี้ยงและเชือดสุกรทั้งตัว | เติบโตจากเซลล์สุกรในถังเพาะเลี้ยง (Bioreactor) |
กระบวนการผลิต | การทำฟาร์มปศุสัตว์ การให้อาหาร การเลี้ยงดู และการแปรรูปในโรงฆ่าสัตว์ | การเพาะเลี้ยงเซลล์ในสภาพแวดล้อมควบคุม การให้สารอาหาร และการสร้างเนื้อเยื่อ |
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | ใช้ที่ดินและน้ำปริมาณมาก ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง | คาดว่าจะใช้ที่ดินและน้ำน้อยกว่า และปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่ามาก |
สวัสดิภาพสัตว์ | เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงและเชือดสัตว์ | ไม่จำเป็นต้องเชือดสัตว์ กระบวนการเก็บเซลล์ไม่สร้างความเจ็บปวด |
ความปลอดภัยอาหาร | มีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนเชื้อโรคจากฟาร์มและโรงฆ่าสัตว์ อาจมีการใช้ยาปฏิชีวนะ | ผลิตในสภาพแวดล้อมปลอดเชื้อ ลดความเสี่ยงการปนเปื้อนและไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ |
ต้นทุนและราคาปัจจุบัน | ราคาเข้าถึงได้ทั่วไปในตลาด | ต้นทุนการผลิตยังสูงมาก ทำให้ราคาสูงและยังไม่วางจำหน่ายทั่วไป |
อนาคตของเนื้อหมูแล็บในวงการหมูกระทะไทย
เมื่อพิจารณาถึงวัฒนธรรมการบริโภคหมูกระทะที่ฝังรากลึกในสังคมไทย การมาถึงของเนื้อหมูแล็บย่อมเป็นภาพอนาคตที่น่าสนใจและอาจเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมร้านอาหารไปอย่างสิ้นเชิง
ความเป็นไปได้ในทางทฤษฎี
หากเนื้อหมูเพาะเลี้ยงได้รับการอนุมัติและสามารถผลิตได้ในราคาที่แข่งขันได้ในอนาคต ศักยภาพของมันในตลาดหมูกระทะนั้นมีสูงมาก ผู้ประกอบการร้านอาหารอาจมีทางเลือกในการจัดหาวัตถุดิบที่ยั่งยืนและมีคุณภาพสม่ำเสมอ สามารถควบคุมปริมาณไขมันแทรกในเนื้อหมูสามชั้น หรือสร้างสรรค์เนื้อส่วนใหม่ๆ ที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสตามต้องการได้ ในขณะที่ผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และจริยธรรม
ขั้นตอนที่ต้องเกิดขึ้นก่อนการวางจำหน่ายจริง
อย่างไรก็ตาม การเดินทางจากห้องปฏิบัติการสู่เตาหมูกระทะยังอีกยาวไกลและต้องผ่านขั้นตอนสำคัญหลายประการ:
- การวิจัยและพัฒนาต่อเนื่อง: เพื่อปรับปรุงรสชาติ เนื้อสัมผัส และลดต้นทุนการผลิต
- การขยายขนาดการผลิต (Scaling Up): สร้างโรงงานผลิตขนาดใหญ่ที่สามารถผลิตเนื้อได้ในปริมาณมากพอสำหรับตลาด
- การขออนุมัติตามกฎระเบียบ: ยื่นเอกสารและข้อมูลด้านความปลอดภัยทั้งหมดให้ อย. พิจารณาและอนุมัติตามกระบวนการทางกฎหมาย
- การสร้างการรับรู้และความเข้าใจ: ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
- การพัฒนาระบบโลจิสติกส์: สร้างช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์สู่ร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
โดยสรุป ข่าว “เฮ! อย. ไฟเขียว ‘เนื้อหมูแล็บ’ เตรียมลงร้านหมูกระทะ” ยังคงเป็นข้อมูลที่ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ ณ ปัจจุบัน และผู้บริโภคควรติดตามประกาศจากหน่วยงานภาครัฐที่เชื่อถือได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้สังคมไทยได้เรียนรู้และทำความรู้จักกับเทคโนโลยีเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตที่สำคัญ
แม้จะยังมีความท้าทายด้านต้นทุน การยอมรับของผู้บริโภค และกฎระเบียบที่ต้องพัฒนา แต่ศักยภาพของเนื้อหมูจากแล็บในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อนาคตที่เราจะได้ลิ้มลองหมูกระทะที่ทำจากเนื้อหมูเพาะเลี้ยงอาจยังมาไม่ถึงในวันนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริงอีกต่อไป การเตรียมพร้อมด้วยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการก้าวสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมอาหาร