“`html
ส้วมอัจฉริยะ เทรนด์ใหม่ตรวจโรคก่อนป่วย
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกมิติของชีวิต การดูแลสุขภาพก็ได้รับการปฏิวัติเช่นกัน นวัตกรรมที่เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันให้กลายเป็นการตรวจสุขภาพเบื้องต้นกำลังกลายเป็นจริง แนวคิดของสุขภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ชำระล้าง แต่ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพได้แบบเรียลไทม์กำลังได้รับความสนใจอย่างสูง
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ
- การวิเคราะห์สุขภาพแบบเรียลไทม์: ส้วมอัจฉริยะใช้เซนเซอร์และกล้องวิเคราะห์ของเสียเพื่อประเมินสภาวะสุขภาพของผู้ใช้งานได้ทันทีในแต่ละวัน
- การตรวจจับโรคในระยะเริ่มต้น: เทคโนโลยีนี้มีความสามารถในการคัดกรองความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน, โรคไต, และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ก่อนที่อาการจะแสดงออกอย่างชัดเจน
- เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI): ระบบ AI ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อนจากการขับถ่าย แปลผลลัพธ์ และแจ้งเตือนความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น
- ข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล: มีระบบระบุตัวตนผู้ใช้ เช่น การสแกนลายนิ้วมือ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสุขภาพที่จัดเก็บมีความถูกต้องและเป็นส่วนตัวสำหรับแต่ละบุคคล
- การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน: นวัตกรรมนี้ส่งเสริมแนวทางการดูแลสุขภาพที่เน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา ช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงสภาวะร่างกายของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
ส้วมอัจฉริยะ เทรนด์ใหม่ตรวจโรคก่อนป่วย คือ นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสุขภาพที่ผสมผสานการทำงานของสุขภัณฑ์เข้ากับระบบเซนเซอร์ขั้นสูง, กล้อง, และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพจากปัสสาวะและอุจจาระของผู้ใช้งานได้โดยอัตโนมัติ แนวคิดหลักของเทคโนโลยีนี้คือการเปลี่ยนห้องน้ำให้กลายเป็นสถานีตรวจสุขภาพส่วนบุคคลที่สามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน ช่วยให้สามารถตรวจพบสัญญาณเตือนของความผิดปกติทางร่างกายได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำความรู้จักส้วมอัจฉริยะ: นวัตกรรมสุขภาพแห่งอนาคต
ในอดีต การประเมินสุขภาพอย่างละเอียดมักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเริ่มแสดงอาการเจ็บป่วยและต้องเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แนวคิดการดูแลสุขภาพกำลังเปลี่ยนจากการ “รักษาเมื่อป่วย” ไปสู่การ “ป้องกันก่อนเกิดโรค” ส้วมอัจฉริยะจึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ โดยมุ่งเป้าไปที่การทำให้การตรวจสุขภาพเป็นเรื่องง่าย สะดวก และบูรณาการเข้ากับชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว
เทคโนโลยีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มบุคคลที่ต้องการติดตามสภาวะสุขภาพอย่างใกล้ชิด เช่น ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (เช่น เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง), หรือแม้แต่ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพทั่วไปที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง การที่สามารถเก็บข้อมูลได้ทุกวันทำให้แพทย์และผู้ใช้งานเห็นภาพรวมของสุขภาพในระยะยาว ซึ่งแตกต่างจากการตรวจสุขภาพประจำปีที่ให้ข้อมูลเพียง ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น สิ่งนี้เปิดโอกาสให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต โภชนาการ หรือการออกกำลังกายได้อย่างทันท่วงทีเมื่อพบสัญญาณความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่มันจะลุกลามกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่รุนแรง
หลักการทำงานเบื้องหลังเทคโนโลยีส้วมอัจฉริยะ
เบื้องหลังความสามารถในการวิเคราะห์สุขภาพของส้วมอัจฉริยะคือการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีหลายแขนงที่ถูกติดตั้งไว้อย่างแนบเนียนภายในโถสุขภัณฑ์ เพื่อเก็บและประมวลผลข้อมูลจากของเสียซึ่งเป็นผลผลิตตามธรรมชาติของร่างกาย
ระบบเซนเซอร์และกล้อง: ดวงตาแห่งการวิเคราะห์
หัวใจสำคัญของส้วมอัจฉริยะคือชุดเซนเซอร์และกล้องความละเอียดสูงที่ติดตั้งไว้ในตำแหน่งต่างๆ ของโถส้วม เมื่อผู้ใช้งานเริ่มทำธุระส่วนตัว ระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติ:
- กล้องวิเคราะห์ภาพ: กล้องจะจับภาพของอุจจาระเพื่อวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพ เช่น สี, รูปร่าง, และความสม่ำเสมอของเนื้อ ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของระบบทางเดินอาหารได้ตามหลัก Bristol Stool Chart นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับร่องรอยของเลือดที่ปะปนออกมาได้อีกด้วย
- เซนเซอร์จับการไหลของปัสสาวะ: เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวจะวัดอัตราการไหลและปริมาณของปัสสาวะ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจช่วยประเมินสุขภาพของต่อมลูกหมากหรือระบบทางเดินปัสสาวะได้
- เซนเซอร์ทางการแพทย์: เซนเซอร์อื่นๆ จะถูกใช้เพื่อเก็บข้อมูลทางชีวเคมี ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการวิเคราะห์โรค
การระบุตัวตนผู้ใช้งานเพื่อข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อให้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือสำหรับบ้านที่มีผู้ใช้งานหลายคน ส้วมอัจฉริยะจึงจำเป็นต้องมีระบบระบุตัวตนผู้ใช้ เทคโนโลยีที่นิยมใช้คือ ระบบสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งมักจะติดตั้งไว้ที่ปุ่มกดชำระล้าง หรืออาจใช้เทคนิคการวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพเฉพาะบุคคล (analprint) จากภาพที่กล้องจับได้ เพื่อแยกแยะข้อมูลสุขภาพของแต่ละคนออกจากกัน ทำให้ข้อมูลที่ส่งไปยังแอปพลิเคชันหรือแพทย์เป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง
การวิเคราะห์ทางเคมีผ่านแผ่นทดสอบอัจฉริยะ
สำหรับการวิเคราะห์ปัสสาวะ ส้วมอัจฉริยะจะใช้เทคโนโลยีที่คล้ายกับแผ่นทดสอบปัสสาวะในห้องปฏิบัติการ แต่ทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อปัสสาวะสัมผัสกับแผ่นทดสอบ (reagent strips) ที่ติดตั้งอยู่ภายในโถ สีบนแผ่นทดสอบจะเปลี่ยนไปตามปฏิกิริยาเคมี จากนั้น เซนเซอร์ออปติคัล จะทำการสแกนและอ่านค่าการเปลี่ยนแปลงของสี เพื่อวัดระดับสารต่างๆ เช่น
- ระดับน้ำตาล (กลูโคส)
- ระดับโปรตีน
- การมีอยู่ของเลือด (ฮีโมโกลบิน)
- ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH)
ข้อมูลดิบเหล่านี้จะถูกแปลงเป็นข้อมูลดิจิทัลและส่งต่อไปยังระบบประมวลผลทันที
บทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการแปลผล
ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เก็บรวบรวมจากเซนเซอร์และกล้องจะถูกส่งไปยังหน่วยประมวลผลกลาง ซึ่งมี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ทำหน้าที่วิเคราะห์และแปลผล AI จะเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้รับกับฐานข้อมูลทางการแพทย์ขนาดใหญ่เพื่อค้นหารูปแบบหรือความผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆ ระบบสามารถเรียนรู้และปรับปรุงความแม่นยำในการวิเคราะห์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลที่สะสมของผู้ใช้งานแต่ละคน ผลการวิเคราะห์จะถูกสรุปและแสดงผลผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พร้อมทั้งให้คำแนะนำเบื้องต้น หรือแจ้งเตือนให้ไปพบแพทย์หากตรวจพบความเสี่ยงที่น่ากังวล
ส้วมอัจฉริยะสามารถตรวจจับโรคอะไรได้บ้าง
ความสามารถในการวิเคราะห์ของเสียทำให้ส้วมอัจฉริยะเป็นเครื่องมือคัดกรองโรคที่มีศักยภาพสูง โดยสามารถตรวจจับสัญญาณของภาวะผิดปกติได้หลากหลายประเภท แบ่งตามแหล่งที่มาของข้อมูลได้ดังนี้
การวิเคราะห์ปัสสาวะ: หน้าต่างสู่สุขภาพภายใน
ปัสสาวะเป็นของเหลวที่ร่างกายขับออกมาเพื่อกำจัดของเสียและสารส่วนเกินออกจากเลือด การวิเคราะห์องค์ประกอบของปัสสาวะจึงสามารถบ่งบอกถึงการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
- โรคเบาหวาน: การตรวจพบระดับน้ำตาล (กลูโคส) ในปัสสาวะเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่สำคัญของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นอาการหลักของโรคเบาหวาน การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยให้สามารถควบคุมอาหารและเริ่มการรักษาได้ก่อนที่โรคจะรุนแรง
- โรคไต: การมีโปรตีน (โดยเฉพาะอัลบูมิน) รั่วปนออกมาในปัสสาวะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะไตเสื่อมหรือโรคไต การตรวจพบเลือดในปัสสาวะก็อาจเป็นข้อบ่งชี้ถึงปัญหาที่ไตได้เช่นกัน
- การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ (UTI): ส้วมอัจฉริยะสามารถตรวจวัดค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) และสารบางชนิดที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ภาวะขาดน้ำ: การวัดความถ่วงจำเพาะและสีของปัสสาวะสามารถประเมินระดับความชุ่มชื้นของร่างกายได้ ช่วยเตือนให้ผู้ใช้งานดื่มน้ำให้เพียงพอ
การวิเคราะห์อุจจาระ: กุญแจสู่ระบบทางเดินอาหาร
ลักษณะของอุจจาระสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของลำไส้และระบบย่อยอาหาร
- การคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่: หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการตรวจหาเลือดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (Fecal Occult Blood) ซึ่งเป็นวิธีการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในระยะเริ่มต้นที่มีประสิทธิภาพ
- สุขภาพของไมโครไบโอมในลำไส้: ในอนาคต เทคโนโลยีอาจพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของแบคทีเรียในลำไส้ (Gut Microbiome) ได้ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับสภาวะสุขภาพมากมาย ตั้งแต่ระบบภูมิคุ้มกันไปจนถึงสุขภาพจิต
- ปัญหาการย่อยและการดูดซึม: ลักษณะของอุจจาระ เช่น ความเหลวหรือความแข็งที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง อาจบ่งชี้ถึงปัญหาในการย่อยอาหารหรือการดูดซึมสารอาหาร
การติดตามข้อมูลพฤติกรรมและสัญญาณชีพ
นอกจากการวิเคราะห์ของเสียโดยตรงแล้ว ส้วมอัจฉริยะบางรุ่นยังมาพร้อมกับฟังก์ชันเพิ่มเติมที่ฝังอยู่ในฝารองนั่งหรือส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพด้านอื่นไปพร้อมกัน
- ความถี่และระยะเวลาในการขับถ่าย: ระบบจะบันทึกข้อมูลความถี่และช่วงเวลาที่ใช้ในการขับถ่าย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างกะทันหันอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพได้
- การวัดสัญญาณชีพ: เซนเซอร์ที่ฝารองนั่งอาจสามารถวัดความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และแม้แต่น้ำหนักตัวของผู้ใช้งานได้ในทุกครั้งที่ใช้งาน ทำให้ได้ข้อมูลสุขภาพที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น
ความแม่นยำและศักยภาพในการนำไปใช้จริง
แม้ว่าแนวคิดของส้วมอัจฉริยะจะดูเหมือนมาจากภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ แต่การพัฒนาและการทดสอบได้ดำเนินไปอย่างจริงจัง และผลลัพธ์ที่ได้ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าทึ่ง
“การเปลี่ยนผ่านจากการดูแลสุขภาพเชิงรับ (Reactive) ที่รอให้เกิดโรคแล้วจึงรักษา ไปสู่การดูแลสุขภาพเชิงรุก (Proactive) ที่เน้นการป้องกันและตรวจจับความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่นๆ คือเป้าหมายสูงสุดของเทคโนโลยีสุขภาพสมัยใหม่ และส้วมอัจฉริยะคือหนึ่งในเครื่องมือที่อาจทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริงได้ในวงกว้าง”
ผลการศึกษาเชิงประจักษ์
งานวิจัยและพัฒนาในระยะเริ่มต้นได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ จากข้อมูลการศึกษาล่าสุดพบว่า เทคโนโลยีส้วมอัจฉริยะสามารถตรวจจับความเสี่ยงของ โรคเบาหวานด้วยความแม่นยำสูงถึง 81% และสามารถระบุสัญญาณของ โรคไตได้ด้วยความแม่นยำ 72% ตัวเลขเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นเครื่องมือคัดกรองเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้บุคคลที่มีความเสี่ยงสามารถเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ละเอียดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มโอกาสในการรักษาให้ประสบความสำเร็จ
ประโยชน์ต่อผู้ใช้งานและวงการแพทย์
การนำส้วมอัจฉริยะมาใช้งานจริงจะก่อให้เกิดประโยชน์ในหลายมิติ ทั้งต่อตัวผู้ใช้งานเองและระบบสาธารณสุขโดยรวม
- การรับรู้สภาวะสุขภาพตนเอง: ผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายของตนเองอย่างสม่ำเสมอ สร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
- ความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว: การตรวจสุขภาพสามารถทำได้ที่บ้านโดยอัตโนมัติ ลดความจำเป็นในการเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจคัดกรองเบื้องต้น ซึ่งสะดวกอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีข้อจำกัดในการเดินทาง
- การติดตามสุขภาพระยะยาว: ข้อมูลที่ถูกเก็บอย่างต่อเนื่องทุกวันช่วยให้เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพได้ชัดเจนกว่าการตรวจเป็นครั้งคราว ทำให้สามารถจัดการกับโรคเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ข้อมูลสำหรับบุคลากรทางการแพทย์: แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพล่าสุดและต่อเนื่องของผู้ป่วยได้ (ภายใต้การยินยอม) ช่วยให้การวินิจฉัยและวางแผนการรักษามีความแม่นยำและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น
คุณสมบัติ | การตรวจสุขภาพแบบดั้งเดิม | การติดตามผ่านส้วมอัจฉริยะ |
---|---|---|
ความถี่ในการเก็บข้อมูล | เป็นครั้งคราว (เช่น ประจำปี) | ต่อเนื่องทุกวัน/ทุกครั้งที่ใช้งาน |
ความสะดวกสบาย | ต้องเดินทางไปสถานพยาบาล | ทำได้ที่บ้าน เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตร |
ลักษณะข้อมูล | ข้อมูล ณ จุดเวลาเดียว (Snapshot) | ข้อมูลแนวโน้มระยะยาว (Longitudinal Data) |
การตรวจจับ | อาจตรวจพบเมื่อมีอาการแล้ว | ตรวจจับสัญญาณเตือนในระยะเริ่มต้น |
ค่าใช้จ่าย | มีค่าใช้จ่ายต่อครั้งในการตรวจ | ลงทุนครั้งแรกในอุปกรณ์ |
ความท้าทายและทิศทางในอนาคตของส้วมอัจฉริยะ
แม้ว่าศักยภาพของส้วมอัจฉริยะจะสูงมาก แต่การที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในวงกว้างยังคงมีความท้าทายหลายประการที่ต้องพิจารณาและแก้ไข
ประเด็นด้านการยอมรับและความเป็นส่วนตัว
ความท้าทายที่สำคัญที่สุดอาจไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของจิตวิทยาและการยอมรับของผู้บริโภค การติดตั้งกล้องและเซนเซอร์ในพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องน้ำอาจทำให้ผู้ใช้งานบางส่วนรู้สึกไม่สบายใจหรือรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวถูกรุกล้ำ นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพที่ถูกเก็บรวบรวมและส่งผ่านระบบคลาวด์ก็เป็นอีกประเด็นสำคัญ ผู้พัฒนาจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคผ่านระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่รัดกุมและนโยบายความเป็นส่วนตัวที่โปร่งใส
การพัฒนาต่อยอดและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
ในอนาคตอันใกล้ เทคโนโลยีที่ใช้ในส้วมอัจฉริยะมีแนวโน้มที่จะถูกพัฒนาให้มีความสามารถหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การเพิ่มความสามารถในการตรวจวัดฮอร์โมนเพื่อใช้เป็น ชุดตรวจภาวะตั้งครรภ์ แบบดิจิทัล หรือการวิเคราะห์สารอาหารที่เหลือจากการย่อยเพื่อ ประเมินคุณภาพโภชนาการ และให้คำแนะนำการบริโภคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เทคโนโลยีเหล่านี้จะยิ่งทำให้ห้องน้ำกลายเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
บทสรุป: ส้วมอัจฉริยะกับการปฏิวัติการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน
ส้วมอัจฉริยะ เทรนด์ใหม่ตรวจโรคก่อนป่วย กำลังจะเปลี่ยนมุมมองที่ผู้คนมีต่อสุขภัณฑ์และกิจวัตรประจำวันไปอย่างสิ้นเชิง จากอุปกรณ์ในห้องน้ำที่ทำหน้าที่เพียงชำระล้าง กำลังจะกลายเป็นเครื่องมือดูแลสุขภาพเชิงรุกที่ทรงพลัง ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพจากของเสียได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถตรวจจับสัญญาณเตือนของโรคร้ายต่างๆ ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันโรคและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด
แม้จะยังมีความท้าทายด้านการยอมรับของผู้บริโภคและประเด็นความเป็นส่วนตัวของข้อมูล แต่ด้วยประโยชน์มหาศาลและความแม่นยำที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าส้วมอัจฉริยะคือนวัตกรรมการแพทย์แห่งอนาคตที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีและอายุที่ยืนยาวขึ้น ผ่านการทำให้การตรวจสุขภาพเป็นเรื่องง่าย สะดวก และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตในแต่ละวัน