เนื้อแล็บถึงไทย! กินได้จริงไหม อร่อยสู้ของแท้?

สารบัญ

กระแสข่าวเรื่อง เนื้อแล็บถึงไทย! กินได้จริงไหม อร่อยสู้ของแท้? กำลังเป็นที่จับตามองอย่างกว้างขวางในแวดวงอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศไทย เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เนื้อจากแล็บ” คือเนื้อสัตว์จริงที่ผลิตขึ้นจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ของสัตว์ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมอย่างเข้มงวด แทนที่การเลี้ยงและฆ่าสัตว์ทั้งตัว ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมที่อาจเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่นำเสนอทางเลือกใหม่ในการผลิตโปรตีน แต่ยังจุดประกายบทสนทนาเกี่ยวกับความยั่งยืนทางอาหาร สวัสดิภาพสัตว์ และความปลอดภัยของผู้บริโภคในระยะยาว

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ

  • เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงคือเนื้อสัตว์แท้ที่เกิดจากการนำเซลล์ต้นกำเนิดของสัตว์มาเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช
  • ความปลอดภัยในการบริโภคขึ้นอยู่กับการอนุมัติและมาตรฐานของหน่วยงานกำกับดูแลด้านอาหารในแต่ละประเทศ ซึ่งกระบวนการผลิตในห้องปฏิบัติการที่มีความสะอาดสูงอาจช่วยลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคบางชนิดได้
  • รสชาติและเนื้อสัมผัสมีความใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ทั่วไปอย่างมาก แต่ความซับซ้อนของไขมันที่ให้กลิ่นและรสชาติเฉพาะตัวยังคงเป็นความท้าทายหลักที่ต้องพัฒนาต่อไป
  • ข้อได้เปรียบที่สำคัญคือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากร และลดการฆ่าสัตว์ ในขณะที่ข้อจำกัดหลักคือต้นทุนการผลิตที่ยังคงสูงมากและต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
  • ปัจจุบัน ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของการวิจัยและพัฒนา และยังไม่มีการจำหน่ายเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ แต่ถือเป็นเทรนด์อาหารแห่งอนาคตที่ภาครัฐและเอกชนให้ความสนใจ

บทนำสู่โลกของเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง

เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงได้กลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอาหาร (Food Tech) ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในทศวรรษนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการโปรตีนของประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับลดผลกระทบเชิงลบที่เกิดจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์แบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้ที่ดินและน้ำจำนวนมหาศาล รวมถึงประเด็นด้านจริยธรรมและสวัสดิภาพสัตว์ การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภค แต่ยังเป็นการเสนอทางออกให้กับความท้าทายระดับโลกอีกด้วย

ทำไมเนื้อจากแล็บจึงกลายเป็นหัวข้อสำคัญ

ความสำคัญของเนื้อจากแล็บเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยหลายประการมาบรรจบกัน ประการแรกคือความตระหนักรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดการแสวงหาแหล่งโปรตีนที่มีความยั่งยืนมากกว่าเดิม ประการที่สองคือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีวิศวกรรมเนื้อเยื่อและชีววิทยาระดับเซลล์ที่ทำให้การผลิตเนื้อสัตว์ในห้องปฏิบัติการมีความเป็นไปได้และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และประการสุดท้ายคือการลงทุนจากบริษัทขนาดใหญ่และนักลงทุนที่เล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของตลาดอาหารแห่งอนาคตนี้ ทำให้การวิจัยและพัฒนาถูกผลักดันไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

นวัตกรรมนี้เกี่ยวข้องกับใครบ้าง

นวัตกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีจริยธรรม, เกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่อาจต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด, นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยที่ทำงานเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น, ผู้กำหนดนโยบายและหน่วยงานกำกับดูแลที่ต้องสร้างกรอบกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ และนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดโปรตีนทางเลือกที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

เจาะลึกกระบวนการสร้างเนื้อจากแล็บ

เพื่อให้เข้าใจถึงศักยภาพและข้อจำกัดของเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง การทำความเข้าใจกระบวนการผลิตตั้งแต่จุดเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เทคโนโลยีนี้อาศัยหลักการทางชีววิทยาเพื่อเลียนแบบกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อของสัตว์ แต่เกิดขึ้นภายนอกร่างกายของสัตว์ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ทั้งหมด

นิยามและความแตกต่างจากเนื้อสัตว์ทั่วไป

เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง หรือ Cultured Meat คือเนื้อสัตว์ที่ได้จากการนำเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) หรือเซลล์กล้ามเนื้อของสัตว์มาเพาะเลี้ยงให้เพิ่มจำนวนและพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อในห้องปฏิบัติการ ผลลัพธ์ที่ได้คือเนื้อสัตว์จริงที่มีองค์ประกอบทางชีวภาพเหมือนกับเนื้อที่มาจากสัตว์ แต่ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการเลี้ยงดูและชำแหละสัตว์ทั้งตัว ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงไม่ใช่เนื้อสังเคราะห์ที่สร้างจากสารเคมี และไม่ใช่เนื้อจากพืช (Plant-based Meat) ที่ทำจากโปรตีนพืชเพื่อเลียนแบบรสชาติและเนื้อสัมผัส แต่เป็นเนื้อเยื่อของสัตว์จริงๆ ที่ถูก “ปลูก” ขึ้นมา

ขั้นตอนการผลิตจากเซลล์สู่จานอาหาร

กระบวนการผลิตเนื้อจากแล็บสามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลักๆ ได้ดังนี้:

  1. การเก็บตัวอย่างเซลล์ (Cell Sourcing): กระบวนการเริ่มต้นจากการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อขนาดเล็กจากสัตว์ที่มีชีวิตผ่านกระบวนการที่ไม่สร้างความเจ็บปวดให้สัตว์มากนัก (คล้ายกับการตรวจชิ้นเนื้อ) หรืออาจใช้เซลล์จากไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว จากนั้นจึงทำการคัดแยกเซลล์ต้นกำเนิดที่มีความสามารถในการแบ่งตัวและพัฒนาเป็นเซลล์กล้ามเนื้อและไขมัน
  2. การเพาะเลี้ยงในสารอาหาร (Cell Cultivation): เซลล์ที่คัดแยกได้จะถูกนำไปเพาะเลี้ยงในถังปฏิกรณ์ชีวภาพ (Bioreactor) ซึ่งเป็นภาชนะที่ควบคุมสภาวะแวดล้อมต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ออกซิเจน และค่าความเป็นกรด-ด่าง ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ โดยเซลล์จะได้รับสารอาหารที่จำเป็น เช่น กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุ และปัจจัยการเจริญเติบโต (Growth Factors) ผ่านอาหารเลี้ยงเซลล์ (Culture Medium)
  3. การเจริญเติบโตเป็นเนื้อเยื่อ (Tissue Formation): เมื่อเซลล์แบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้น จะถูกกระตุ้นให้พัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของเนื้อสัตว์ คือ เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ไขมัน และเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ในบางกรณี อาจมีการใช้โครงสร้างที่กินได้ (Edible Scaffolding) เพื่อช่วยให้เซลล์ยึดเกาะและเรียงตัวกันเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อที่มีโครงสร้างคล้ายกับเนื้อสัตว์ตามธรรมชาติ
  4. การเก็บเกี่ยวและแปรรูป (Harvesting and Processing): เมื่อเนื้อเยื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จะถูกเก็บเกี่ยวออกจากถังปฏิกรณ์ชีวภาพ และนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารในรูปแบบต่างๆ เช่น เนื้อบด ไส้กรอก หรือนักเก็ต สำหรับการสร้างเนื้อเป็นชิ้นใหญ่ที่มีความซับซ้อนเหมือนสเต็กยังคงเป็นความท้าทายทางเทคโนโลยีที่กำลังวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นด้านความปลอดภัย: เนื้อแล็บกินได้จริงไหม?

ประเด็นด้านความปลอดภัย: เนื้อแล็บกินได้จริงไหม?

คำถามที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภคคือ ความปลอดภัยในการบริโภคเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั้งผู้ผลิตและหน่วยงานกำกับดูแลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การยอมรับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นว่าเนื้อจากแล็บมีความปลอดภัยไม่ต่างจากเนื้อสัตว์ทั่วไป

มาตรฐานการกำกับดูแลระดับสากล

หลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มวางกรอบการกำกับดูแลสำหรับเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงแล้ว ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา องค์การอาหารและยา (FDA) และกระทรวงเกษตร (USDA) ได้ทำงานร่วมกันเพื่อประเมินความปลอดภัยตลอดกระบวนการผลิต ตั้งแต่การคัดเลือกเซลล์ไปจนถึงการแปรรูปขั้นสุดท้าย เช่นเดียวกันกับในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศแรกของโลกที่อนุมัติการจำหน่ายเนื้อไก่เพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ โดยหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารของสิงคโปร์ (SFA) ได้ทำการประเมินอย่างเข้มงวดก่อนให้การรับรอง

จุดเด่นอย่างหนึ่งของกระบวนการผลิตเนื้อจากแล็บคือการเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อและควบคุมได้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนจากแบคทีเรียที่มักพบในโรงฆ่าสัตว์ เช่น Salmonella หรือ E. coli ได้อย่างมีนัยสำคัญ

คุณค่าทางโภชนาการเปรียบเทียบกับเนื้อดั้งเดิม

โดยพื้นฐานแล้ว เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงมีองค์ประกอบทางโภชนาการที่ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ดั้งเดิมมาก เนื่องจากมีต้นกำเนิดมาจากเซลล์ของสัตว์ชนิดเดียวกัน ประกอบด้วยโปรตีน กรดอะมิโนจำเป็น วิตามิน และแร่ธาตุในระดับที่เทียบเคียงกันได้ นอกจากนี้ เทคโนโลยีนี้ยังเปิดโอกาสในการปรับปรุงคุณค่าทางโภชนาการของเนื้อสัตว์ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น การปรับสูตรอาหารเลี้ยงเซลล์เพื่อเพิ่มปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ หรือลดปริมาณไขมันอิ่มตัวลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในระบบการเลี้ยงสัตว์แบบดั้งเดิม

สถานะการอนุมัติในประเทศไทย

สำหรับประเทศไทย ข้อมูลล่าสุด ณ ปลายปี 2024 ระบุว่าเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา และยังไม่มีการยื่นขออนุมัติหรือได้รับการอนุมัติให้จำหน่ายในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างไรก็ตาม มีการตื่นตัวในภาคส่วนวิชาการและบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารที่กำลังศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างแข็งขัน การที่ อย. เริ่มมีแนวทางในการพิจารณาอาหารกลุ่มใหม่นี้ ถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมอาหารไทย แต่ผู้บริโภคยังคงต้องรอการประกาศและรับรองอย่างเป็นทางการก่อนที่จะได้บริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านี้

รสชาติและเนื้อสัมผัส: อร่อยสู้ของแท้ได้หรือไม่?

นอกเหนือจากความปลอดภัยแล้ว ปัจจัยที่จะตัดสินความสำเร็จของเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงในตลาดคือรสชาติและเนื้อสัมผัส การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคยอมรับว่า “อร่อย” และไม่แตกต่างจากเนื้อสัตว์ที่คุ้นเคย ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดของผู้ผลิต

ความท้าทายในการเลียนแบบโครงสร้างจากธรรมชาติ

เนื้อสัตว์ตามธรรมชาติมีความซับซ้อนสูง ประกอบด้วยเส้นใยกล้ามเนื้อที่เรียงตัวกันอย่างมีแบบแผน ไขมันที่แทรกซึมอยู่ระหว่างกล้ามเนื้อ (Marbling) เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และเส้นเลือด ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและความชุ่มฉ่ำของเนื้อ การสร้างโครงสร้างสามมิติที่ซับซ้อนนี้ในห้องปฏิบัติการเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรสชาติและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่มาจากองค์ประกอบของไขมัน ซึ่งชนิดของกรดไขมันจะแตกต่างกันไปตามอาหารที่สัตว์กินและกระบวนการเมแทบอลิซึมภายในร่างกายของสัตว์ การเพาะเลี้ยงเซลล์ไขมันให้มีคุณสมบัติเหมือนไขมันธรรมชาติจึงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนารสชาติ

มุมมองจากการทดสอบรสชาติเบื้องต้น

ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงในยุคแรกๆ มักอยู่ในรูปแบบของเนื้อบด ซึ่งง่ายต่อการผลิตและผสมผสานเซลล์กล้ามเนื้อและไขมันเข้าด้วยกัน จากการทดสอบชิมโดยกลุ่มผู้บริโภคและนักวิจารณ์อาหารในต่างประเทศ หลายความคิดเห็นระบุว่าผลิตภัณฑ์มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับเนื้อบดทั่วไป แต่ยังขาดความซับซ้อนและความลึกของรสชาติที่พบในเนื้อสัตว์จากฟาร์ม อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว บริษัทต่างๆ สามารถปรับปรุงรสชาติและเนื้อสัมผัสให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านการปรับปรุงสายพันธุ์เซลล์และสูตรอาหารเลี้ยงเซลล์

อนาคตของการพัฒนารสชาติและเนื้อสัมผัส

ปัจจุบัน การวิจัยมุ่งเน้นไปที่การเพาะเลี้ยงเซลล์หลายชนิดร่วมกัน (Co-culture) เพื่อสร้างเนื้อเยื่อที่มีทั้งกล้ามเนื้อและไขมันในชิ้นเดียวกัน รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ (3D Bioprinting) เพื่อจัดเรียงเซลล์ให้เกิดเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนเหมือนชิ้นสเต็ก นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจสารประกอบที่ให้กลิ่นรสในเนื้อสัตว์อย่างลึกซึ้ง เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติ неотличимจากของแท้มากที่สุด

ข้อดีและข้อจำกัดของเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง

การประเมินศักยภาพของเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจำเป็นต้องพิจารณาทั้งข้อดีและข้อจำกัดอย่างรอบด้าน เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากเทคโนโลยีนี้กลายเป็นกระแสหลักในอนาคต

การเปรียบเทียบระหว่างเนื้อจากแล็บและเนื้อจากฟาร์ม

ตารางด้านล่างนี้สรุปการเปรียบเทียบในมิติต่างๆ ระหว่างเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงและเนื้อสัตว์ดั้งเดิมจากฟาร์ม:

ตารางเปรียบเทียบคุณลักษณะสำคัญระหว่างเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงและเนื้อสัตว์ดั้งเดิม
ด้านที่พิจารณา เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง (จากแล็บ) เนื้อสัตว์ดั้งเดิม (จากฟาร์ม)
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีศักยภาพในการลดการใช้ที่ดิน, น้ำ, และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ ใช้ทรัพยากรที่ดินและน้ำสูง เป็นแหล่งปล่อยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ที่สำคัญ
สวัสดิภาพสัตว์ ไม่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงและฆ่าสัตว์โดยตรง ลดความทุกข์ทรมานของสัตว์ เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ในระบบอุตสาหกรรมและกระบวนการฆ่าสัตว์
ความปลอดภัยของอาหาร กระบวนการผลิตในระบบปิดและปลอดเชื้อ ลดความเสี่ยงการปนเปื้อนจากเชื้อโรค มีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของแบคทีเรียในฟาร์มและโรงฆ่าสัตว์
ต้นทุนการผลิต ยังคงสูงมากในปัจจุบัน เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีและสารอาหารเลี้ยงเซลล์ราคาแพง มีต้นทุนที่ต่ำกว่าและมีโครงสร้างอุตสาหกรรมรองรับอย่างครบวงจร
รสชาติและเนื้อสัมผัส กำลังพัฒนาให้ใกล้เคียงธรรมชาติ โดยเฉพาะความซับซ้อนของไขมันและโครงสร้างเนื้อ มีความหลากหลายและซับซ้อนตามธรรมชาติ เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วไป
การยอมรับของผู้บริโภค เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ยังต้องการการสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค เป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคยและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินมาอย่างยาวนาน

อนาคตของเนื้อจากแล็บในประเทศไทยและตลาดโลก

ทิศทางของเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องปฏิบัติการ แต่กำลังก้าวสู่เวทีเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก การเติบโตของเทคโนโลยีนี้ขึ้นอยู่กับการยอมรับของตลาด การสนับสนุนจากภาครัฐ และความสามารถในการขยายขนาดการผลิตเพื่อลดต้นทุน

แนวโน้มการเติบโตและการลงทุนทั่วโลก

ตลาดโปรตีนทางเลือกทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพสูงสุด มีการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยีนี้ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่หลายแห่งก็ได้เริ่มเข้ามาลงทุนหรือร่วมมือกับสตาร์ทอัพเหล่านี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในอนาคต การแข่งขันที่สูงขึ้นส่งผลให้การวิจัยและพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้อย่างต่อเนื่องในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

โอกาสและความท้าทายในบริบทของไทย

สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีจุดแข็งในฐานะ “ครัวของโลก” และมีอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารที่แข็งแกร่ง เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงนำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายไปพร้อมกัน

โอกาส:

  • การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหาร: ประเทศไทยสามารถใช้ความเชี่ยวชาญด้านอาหารมาต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงที่มีรสชาติถูกปากผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชีย
  • ความมั่นคงทางอาหาร: การมีแหล่งโปรตีนทางเลือกจะช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหาร ลดการพึ่งพิงการนำเข้าอาหารสัตว์ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคปศุสัตว์
  • การสร้างอุตสาหกรรมใหม่: อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงสามารถสร้างงานที่มีทักษะสูงในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพและวิศวกรรมได้

ความท้าทาย:

  • ต้นทุนและเทคโนโลยี: การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการผลิตขนาดใหญ่ยังคงเป็นเรื่องท้าทาย
  • กฎระเบียบข้อบังคับ: จำเป็นต้องมีการพัฒนากรอบกฎหมายและมาตรฐานที่ชัดเจนและรวดเร็วเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้
  • การยอมรับของผู้บริโภคและเกษตรกร: ต้องมีการสื่อสารและให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่น ทั้งต่อผู้บริโภคและ