เนื้อจากแล็บ วางขายแล้ว! ปลอดภัยจริงหรือ?
เนื้อจากแล็บ หรือที่รู้จักในชื่อเนื้อเพาะเลี้ยง (Cultured Meat) กำลังกลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก เทคโนโลยีนี้คือการผลิตเนื้อสัตว์จริงจากเซลล์ของสัตว์โดยตรงภายในห้องปฏิบัติการ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการเลี้ยงและฆ่าสัตว์ ซึ่งนำเสนอทางเลือกใหม่ที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร สิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพสัตว์ การพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เริ่มเข้าสู่ตลาดผู้บริโภคในบางประเทศแล้ว
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ
- เนื้อสัตว์จริง ไม่ใช่ของเทียม: เนื้อจากแล็บคือเนื้อสัตว์ที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์จริง ทำให้มีองค์ประกอบทางชีวภาพและสารอาหารใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จากฟาร์ม
- ความปลอดภัยที่ได้รับการยืนยัน: องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้ตรวจสอบและรับรองว่าเนื้อเพาะเลี้ยงมีความปลอดภัยสำหรับการบริโภค เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ควบคุมได้และปลอดจากสิ่งปนเปื้อน
- ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและจริยธรรม: เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้น้ำและที่ดิน รวมถึงลดปัญหาด้านสวัสดิภาพสัตว์
- ความท้าทายด้านต้นทุนและการยอมรับ: แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่เนื้อเพาะเลี้ยงยังคงมีต้นทุนการผลิตที่สูง และการยอมรับจากผู้บริโภคและหน่วยงานกำกับดูแลในแต่ละประเทศยังมีความแตกต่างกัน
คำถามที่ว่า เนื้อจากแล็บ วางขายแล้ว! ปลอดภัยจริงหรือ? กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้บริโภคต้องการคำตอบที่ชัดเจน บทความนี้จะเจาะลึกถึงกระบวนการผลิต เทคโนโลยีเบื้องหลัง สถานะการยอมรับในระดับสากล รวมถึงวิเคราะห์ข้อดีและข้อจำกัดของอาหารแห่งอนาคตชนิดนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับนวัตกรรมที่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตและบริโภคเนื้อสัตว์ของมนุษยชาติไปตลอดกาล
นวัตกรรมเนื้อเพาะเลี้ยงเกิดขึ้นจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแหล่งโปรตีนที่ยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์และสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักลงทุนและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่มองเห็นศักยภาพในการแก้ไขปัญหาระดับโลก ทั้งในด้านความมั่นคงทางอาหารและภาวะโลกร้อน การทำความเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้ทำงานอย่างไรและมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
ไขข้อสงสัย: เนื้อจากแล็บคืออะไร?
เนื้อจากแล็บ หรือ เนื้อเพาะเลี้ยง คือเนื้อสัตว์ที่ถูกผลิตขึ้นโดยการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ แทนที่จะมาจากการเลี้ยงสัตว์ทั้งตัวในฟาร์ม ผลลัพธ์ที่ได้คือเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อและไขมันที่มีโครงสร้างระดับเซลล์เหมือนกับเนื้อสัตว์ทั่วไป ซึ่งหมายความว่ามันคือ “เนื้อสัตว์จริง” ไม่ใช่อาหารทดแทนเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช (Plant-based meat) หรือโปรตีนทางเลือกอื่นๆ
กระบวนการผลิตจากเซลล์สู่จานอาหาร
กระบวนการสร้างเนื้อเพาะเลี้ยงเริ่มต้นจากการเก็บตัวอย่างเซลล์ขนาดเล็กจากสัตว์ ซึ่งโดยทั่วไปคือสเต็มเซลล์ (Stem cells) หรือเซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์เหล่านี้จะถูกนำไปเพาะเลี้ยงในภาชนะที่เรียกว่า Bioreactor ซึ่งทำหน้าที่เหมือนร่างกายของสัตว์ โดยมีการควบคุมอุณหภูมิและสภาวะแวดล้อมอย่างเหมาะสม
- การคัดเลือกเซลล์: นักวิทยาศาสตร์จะคัดเลือกเซลล์ที่มีศักยภาพในการแบ่งตัวและเจริญเติบโตเป็นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและไขมัน
- การให้อาหารเซลล์: เซลล์จะถูกเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเชื้อ (Culture medium) ซึ่งประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต เช่น กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุ และน้ำตาล
- การเจริญเติบโต: ภายใน Bioreactor เซลล์จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและเริ่มสร้างเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเนื้อสัตว์
- การสร้างโครงสร้างเนื้อเยื่อ: ในบางกรณี อาจมีการใช้โครงสร้างที่บริโภคได้ (Edible scaffold) เพื่อช่วยให้เซลล์ยึดเกาะและเจริญเติบโตเป็นชิ้นเนื้อที่มีรูปร่างและเนื้อสัมผัสที่ซับซ้อนขึ้น คล้ายกับเนื้อสเต็กหรือเนื้อบด
เทคโนโลยีหลักที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้คือวิศวกรรมชีวภาพและวิศวกรรมเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นศาสตร์เดียวกับที่ใช้ในการแพทย์เพื่อสร้างอวัยวะทดแทน การนำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมอาหารจึงเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการผลิตโปรตีน
รสชาติและเนื้อสัมผัส: เหมือนเนื้อสัตว์ทั่วไปแค่ไหน?
หนึ่งในเป้าหมายหลักของผู้ผลิตเนื้อจากแล็บคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นหอมเหมือนกับเนื้อสัตว์จากฟาร์มมากที่สุด จากการทดสอบแบบ Blind Tasting ซึ่งผู้ทดสอบไม่ทราบว่ากำลังชิมเนื้อชนิดใด ผลปรากฏว่าเชฟและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารหลายคนแทบไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเนื้อเพาะเลี้ยงกับเนื้อวัวหรือเนื้อไก่ทั่วไปได้
ผลการทดสอบรสชาติบ่งชี้ว่าเนื้อจากแล็บมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จากธรรมชาติอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายบางประการ โดยเฉพาะในเรื่ององค์ประกอบของไขมัน
ไขมันเป็นส่วนสำคัญที่สร้างรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวของเนื้อสัตว์แต่ละชนิด ไขมันในสัตว์ที่เลี้ยงในฟาร์มเกิดจากระบบย่อยอาหารและอาหารที่สัตว์กินเข้าไป ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและยากต่อการเลียนแบบในห้องปฏิบัติการ แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะสามารถเพาะเลี้ยงเซลล์ไขมันได้ แต่การสร้างองค์ประกอบของกรดไขมันให้เหมือนธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องพัฒนาต่อไป อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีนี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถปรับปรุงคุณสมบัติด้านรสชาติให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในอนาคต
ตอบคำถามสำคัญ: เนื้อจากแล็บ วางขายแล้ว! ปลอดภัยจริงหรือ?
ประเด็นด้านความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญของการยอมรับเนื้อจากแล็บในหมู่ผู้บริโภค ข้อมูลจากหน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำของโลกได้เริ่มให้ความชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนวัตกรรมอาหารชนิดใหม่นี้
การรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับโลก
องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหารที่เข้มงวดที่สุดในโลก ได้ทำการประเมินข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเนื้อไก่เพาะเลี้ยงและสรุปว่ามีความปลอดภัยสำหรับการบริโภคเช่นเดียวกับเนื้อไก่ทั่วไป การประเมินนี้พิจารณาตั้งแต่กระบวนการผลิตทั้งหมด ตั้งแต่การเก็บเซลล์ การเพาะเลี้ยง ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย
เหตุผลหลักที่ทำให้เนื้อจากแล็บได้รับการรับรองคือ องค์ประกอบในระดับเซลล์และโมเลกุลนั้นไม่แตกต่างจากเนื้อสัตว์ที่มาจากฟาร์ม เนื่องจากมันเริ่มต้นจากเซลล์ของสัตว์ชนิดเดียวกันและเจริญเติบโตโดยใช้สารอาหารพื้นฐานที่เหมือนกัน นอกจากนี้ กระบวนการผลิตในห้องปฏิบัติการยังสามารถหลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะและฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งมักเป็นข้อกังวลในการทำฟาร์มแบบอุตสาหกรรม
มาตรฐานการควบคุมความสะอาดและปลอดเชื้อ
ข้อได้เปรียบที่สำคัญอีกประการของเนื้อจากแล็บคือสภาพแวดล้อมการผลิตที่ควบคุมได้อย่างเข้มงวด การเพาะเลี้ยงเซลล์เกิดขึ้นในระบบปิดที่ปลอดเชื้อ (Sterile environment) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนจากเชื้อโรคที่มักพบในโรงฆ่าสัตว์ เช่น Salmonella หรือ E. coli ได้อย่างมีนัยสำคัญ
กระบวนการผลิตที่สะอาดและควบคุมได้นี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ แต่ยังอาจช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของเนื้อสัตว์ได้อีกด้วย การไม่มีสิ่งปนเปื้อนจากแบคทีเรียหมายความว่าเนื้อจะเน่าเสียช้าลง ซึ่งอาจช่วยลดปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) ได้ในระยะยาว
สถานะปัจจุบันในตลาดโลกและข้อกฎหมาย
การยอมรับเนื้อจากแล็บในตลาดโลกยังคงมีความหลากหลาย แต่แนวโน้มโดยรวมแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากทั้งภาครัฐและเอกชนในหลายประเทศ
ประเทศผู้บุกเบิกและแนวโน้มการยอมรับ
สิงคโปร์ถือเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติการจำหน่ายเนื้อไก่เพาะเลี้ยงให้แก่ผู้บริโภคทั่วไปในปี 2020 ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมอาหาร หลังจากนั้น สหรัฐอเมริกาก็ได้อนุมัติตามมาในปี 2023 ทำให้เนื้อเพาะเลี้ยงสามารถจำหน่ายในร้านอาหารบางแห่งได้แล้ว
นอกเหนือจากสองประเทศนี้ ยังมีอีกกว่า 10 ประเทศที่ให้การสนับสนุนและลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเนื้อเพาะเลี้ยงอย่างจริงจัง ได้แก่:
- อิสราเอล: เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมและมีสตาร์ทอัพด้านนี้จำนวนมาก
- เนเธอร์แลนด์: เป็นประเทศแรกๆ ที่เริ่มการวิจัยเนื้อเพาะเลี้ยงอย่างจริงจัง
- สหราชอาณาจักร, สหภาพยุโรป, จีน และญี่ปุ่น: รัฐบาลในประเทศเหล่านี้เริ่มให้ทุนสนับสนุนและสร้างกรอบกฎหมายเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้
การสนับสนุนจากภาครัฐสะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับว่าเนื้อเพาะเลี้ยงอาจเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบสำหรับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความท้าทายด้านกฎระเบียบในบางภูมิภาค
แม้ว่าแนวโน้มโดยรวมจะเป็นไปในทิศทางบวก แต่ไม่ใช่ทุกประเทศที่เปิดรับเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มที่ ในทวีปยุโรป การอนุมัติผลิตภัณฑ์ยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการประเมินที่ซับซ้อนของหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA)
ที่น่าสนใจคือ อิตาลีได้กลายเป็นประเทศแรกที่ออกกฎหมายห้ามการผลิตและจำหน่ายเนื้อเพาะเลี้ยงภายในประเทศ โดยให้เหตุผลเพื่อปกป้องมรดกทางอาหารและเกษตรกรท้องถิ่น กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าการยอมรับเทคโนโลยีอาหารใหม่ๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางวิทยาศาสตร์และความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับมิติทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมืองอีกด้วย
เปรียบเทียบเนื้อจากแล็บกับเนื้อสัตว์จากฟาร์ม
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบระหว่างเนื้อจากแล็บและเนื้อสัตว์จากฟาร์มในมิติต่างๆ จะช่วยให้เข้าใจถึงข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละทางเลือกได้ดีขึ้น
ประเด็นเปรียบเทียบ | เนื้อจากแล็บ (Cultured Meat) | เนื้อสัตว์จากฟาร์ม (Conventional Meat) |
---|---|---|
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | มีศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้น้ำและที่ดินอย่างมีนัยสำคัญ | เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ใช้ทรัพยากรน้ำและที่ดินจำนวนมาก |
สวัสดิภาพสัตว์ | ไม่ต้องมีการฆ่าสัตว์ในกระบวนการผลิต ทำให้เป็นทางเลือกที่มีจริยธรรม | เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงและการฆ่าสัตว์จำนวนมหาศาล ซึ่งมีประเด็นด้านสวัสดิภาพสัตว์ |
ความปลอดภัยและสุขอนามัย | ผลิตในสภาพแวดล้อมปลอดเชื้อ ลดความเสี่ยงการปนเปื้อนจากเชื้อโรคและยาปฏิชีวนะ | มีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคในฟาร์มและโรงฆ่าสัตว์ อาจมียาปฏิชีวนะตกค้าง |
ต้นทุนการผลิต | ยังคงมีต้นทุนสูงมากในปัจจุบัน แต่คาดว่าจะลดลงเมื่อมีการผลิตในระดับอุตสาหกรรม | มีต้นทุนต่ำกว่าเนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานและห่วงโซ่อุปทานที่พัฒนามาอย่างยาวนาน |
คุณค่าทางโภชนาการ | มีโปรตีนและสารอาหารหลักใกล้เคียง แต่ยังต้องพัฒนาเรื่ององค์ประกอบของไขมันและสารอาหารรองบางชนิด | มีคุณค่าทางโภชนาการที่สมบูรณ์ตามธรรมชาติ แต่คุณภาพอาจแตกต่างกันไปตามวิธีการเลี้ยง |
อนาคตของเนื้อเพาะเลี้ยงกับอุตสาหกรรมอาหารโลก
เนื้อจากแล็บไม่ได้เป็นเพียงแค่จินตนาการในนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นความจริงที่อาจเข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบอาหารของโลก อย่างไรก็ตาม เส้นทางข้างหน้ายังคงมีความท้าทายและประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ศักยภาพในการเป็นอาหารแห่งอนาคต
ศักยภาพที่โดดเด่นที่สุดของเนื้อเพาะเลี้ยงคือการเป็นแหล่งโปรตีนที่ยั่งยืน ในขณะที่ประชากรโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบหนึ่งหมื่นล้านคนภายในปี 2050 ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย การผลิตเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้โดยไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง เนื้อเพาะเลี้ยงจึงเป็นทางออกที่น่าสนใจในการผลิตอาหารปริมาณมากโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง
นอกจากนี้ เทคโนโลยีนี้ยังเปิดโอกาสในการ “ออกแบบ” เนื้อสัตว์ให้มีคุณสมบัติทางโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนสัดส่วนของไขมันอิ่มตัวและไขมันไม่อิ่มตัว หรือการเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในการเลี้ยงสัตว์แบบดั้งเดิม
ข้อกังวลที่ต้องจับตามองในระยะยาว
แม้จะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดและข้อกังวลที่ต้องได้รับการแก้ไขและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง:
- ต้นทุนและขนาดการผลิต: ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือการลดต้นทุนการผลิตและขยายขนาดการผลิตให้สามารถแข่งขันกับเนื้อสัตว์จากฟาร์มได้ในเชิงพาณิชย์
- ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว: แม้จะได้รับการรับรองว่าปลอดภัย แต่ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคในระยะยาว
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง: การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบจำเป็นต้องพิจารณาถึงพลังงานที่ใช้ในกระบวนการผลิตทั้งหมด ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ต้องมีการวิจัยและปรับปรุงต่อไป
- ผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ: การเปลี่ยนผ่านไปสู่เนื้อเพาะเลี้ยงอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมปศุสัตว์แบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องมีการวางแผนรองรับ
บทสรุป: ก้าวต่อไปของนวัตกรรมบนจานอาหาร
เนื้อจากแล็บเป็นนวัตกรรมที่น่าจับตามองและมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารอย่างแท้จริง จากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า “เนื้อจากแล็บ วางขายแล้ว! ปลอดภัยจริงหรือ?” คือ “ปลอดภัย” ตามการรับรองของหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถืออย่าง FDA โดยมีข้อดีเพิ่มเติมในเรื่องความสะอาดและปลอดเชื้อที่เหนือกว่ากระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม
เทคโนโลยีนี้เป็นเนื้อสัตว์จริงที่ผลิตจากเซลล์สัตว์โดยไม่ต้องผ่านการฆ่า ทำให้เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านจริยธรรมและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูง การยอมรับในระดับสากลที่ยังไม่ทั่วถึง และการพัฒนาคุณสมบัติด้านรสชาติและโภชนาการให้สมบูรณ์แบบ ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตและนักวิทยาศาสตร์ต้องทำงานอย่างหนักต่อไป
ในฐานะผู้บริโภค การเปิดใจเรียนรู้และติดตามข้อมูลเกี่ยวกับอาหารแห่งอนาคตชนิดนี้ จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกบริโภคได้อย่างมีข้อมูลและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก อนาคตของอาหารอาจไม่ได้อยู่แค่ในฟาร์ม แต่อยู่ในห้องปฏิบัติการที่ซึ่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำลังสร้างสรรค์ความเป็นไปได้ใหม่ๆ เพื่อความยั่งยืนของมวลมนุษยชาติ