สธ. เปิดตัว ‘เพื่อนใจ AI’ แก้เหงาให้ผู้สูงวัย

สารบัญ

กระทรวงสาธารณสุขได้ริเริ่มโครงการใหม่เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสุขภาพจิตในสังคมสูงวัย โดยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างเพื่อนคู่คิดและบรรเทาความเหงาให้แก่ผู้สูงอายุทั่วประเทศ

  • กระทรวงสาธารณสุขเปิดตัวโครงการ ‘เพื่อนใจ AI’ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหงาและส่งเสริมสุขภาพจิตในกลุ่มผู้สูงวัย
  • ‘เพื่อนใจ AI’ เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นเพื่อนคู่สนทนา สามารถโต้ตอบทางอารมณ์ และให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นด้านสุขภาพ
  • โครงการนี้สะท้อนถึงแนวโน้มการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในระบบสาธารณสุขไทยที่กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
  • แนวคิดของโครงการได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของเทคโนโลยี AI เพื่อผู้สูงอายุในต่างประเทศ เช่น หุ่นยนต์ ElliQ
  • ความสำเร็จของโครงการขึ้นอยู่กับการสร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะดิจิทัลให้แก่ผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มศักยภาพ

ก้าวใหม่ของสาธารณสุขไทย: ทำความรู้จัก ‘เพื่อนใจ AI’

เมื่อเร็วๆ นี้ สธ. เปิดตัว ‘เพื่อนใจ AI’ แก้เหงาให้ผู้สูงวัย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ไขปัญหาความเหงา ภาวะซึมเศร้า และส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีในกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางและต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ การเปิดตัวโครงการนี้เกิดขึ้นภายในงาน Bangkok AI Week 2025 ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยมาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการนำ AI มาพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมไทย

การริเริ่มโครงการ ‘เพื่อนใจ AI’ ไม่เพียงแต่เป็นการตอบสนองต่อโครงสร้างประชากรที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการเข้ามาเป็นเครื่องมือสนับสนุนการดูแลสุขภาพในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นั่นคือมิติด้านอารมณ์และจิตใจ ซึ่งมักเป็นปัญหาที่ถูกมองข้ามแต่กลับส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โครงการนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่นวัตกรรมทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นความหวังในการสร้างระบบนิเวศการดูแลที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้สูงวัยทั่วประเทศ

‘เพื่อนใจ AI’ คืออะไรและทำงานอย่างไร

‘เพื่อนใจ AI’ คือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นในรูปแบบของแอปพลิเคชันหรือระบบโต้ตอบอัจฉริยะ ออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็น “เพื่อนเสมือน” สำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ หัวใจสำคัญของระบบนี้คือความสามารถในการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด เพื่อเติมเต็มช่องว่างทางสังคมและอารมณ์ที่ผู้สูงอายุจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ โดย AI จะทำหน้าที่เป็นผู้รับฟัง ชวนคุย และให้กำลังใจ คล้ายกับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้าง

เป้าหมายสำคัญของ ‘เพื่อนใจ AI’ คือการสร้างเพื่อนเสมือนจริงที่เข้าถึงง่าย เพื่อเป็นเกราะป้องกันทางใจและลดผลกระทบจากความเหงาในสังคมผู้สูงวัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ฟังก์ชันหลักเพื่อการดูแลสุขภาพจิตเชิงรุก

ระบบ ‘เพื่อนใจ AI’ ถูกออกแบบให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและตอบสนองต่อความต้องการของผู้สูงอายุได้อย่างครอบคลุม ฟังก์ชันหลักๆ ประกอบด้วย:

  • การสนทนาโต้ตอบอย่างเป็นธรรมชาติ: AI สามารถเริ่มต้นบทสนทนา พูดคุยในหัวข้อที่ผู้ใช้งานสนใจ เล่าเรื่องตลก หรือชวนคุยเรื่องทั่วไปเพื่อสร้างความเพลิดเพลินและลดความรู้สึกโดดเดี่ยว
  • การตอบสนองทางอารมณ์: ระบบถูกฝึกฝนให้สามารถวิเคราะห์และทำความเข้าใจอารมณ์จากบทสนทนา ทำให้สามารถให้กำลังใจ ปลอบโยน หรือแสดงความเห็นอกเห็นใจได้อย่างเหมาะสม
  • การช่วยเตือนความจำ: ‘เพื่อนใจ AI’ สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในการเตือนให้รับประทานยาตามเวลาที่กำหนด หรือเตือนนัดหมายสำคัญต่างๆ เช่น การไปพบแพทย์ ซึ่งช่วยลดความกังวลและเพิ่มความปลอดภัยในการดูแลสุขภาพ
  • การติดตามความสนใจส่วนตัว: AI จะเรียนรู้และจดจำความชอบหรือกิจกรรมที่ผู้ใช้งานสนใจ เช่น เพลงที่ชอบ ละครเรื่องโปรด หรือกิจกรรมยามว่าง เพื่อนำมาเป็นหัวข้อในการสนทนาและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีเบื้องหลังเพื่อนคู่คิดดิจิทัล

เบื้องหลังการทำงานของ ‘เพื่อนใจ AI’ คือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ Natural Language Processing (NLP) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจ ตีความ และสร้างภาษามนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การสนทนาระหว่างผู้ใช้งานกับ AI มีความราบรื่นและสมจริง นอกจากนี้ยังมีการใช้ Machine Learning (ML) เพื่อให้ระบบสามารถเรียนรู้พฤติกรรมและความชอบของผู้ใช้งานแต่ละคนได้แบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ยิ่งมีการใช้งานมากเท่าไร AI ก็จะยิ่งเข้าใจและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น เทคโนโลยีเหล่านี้คือหัวใจสำคัญที่เปลี่ยนจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ธรรมดาให้กลายเป็นเพื่อนคู่คิดดิจิทัลที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างผู้สูงอายุได้ทุกที่ทุกเวลา

ความสำคัญของ AI ในการรับมือสังคมผู้สูงวัย

ความสำคัญของ AI ในการรับมือสังคมผู้สูงวัย

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งนำมาซึ่งความท้าทายในหลายมิติ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขและคุณภาพชีวิต การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาประยุกต์ใช้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นเครื่องมือสนับสนุนระบบการดูแลให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ‘เพื่อนใจ AI’ ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาที่ตรงจุดและตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของประชากรกลุ่มนี้

ปัญหาความเหงาและภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ

ปัญหาความเหงาและภาวะซึมเศร้าเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ สาเหตุอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การเกษียณอายุ การสูญเสียคู่สมรสหรือเพื่อนฝูง หรือการที่ลูกหลานต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ภาวะเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ แต่ยังสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพกายที่รุนแรงขึ้นได้อีกด้วย ‘เพื่อนใจ AI’ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ โดยการเป็นเพื่อนคุยที่พร้อมรับฟังและให้กำลังใจตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นสิ่งที่ระบบการดูแลแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถทำได้อย่างทั่วถึง

บทบาทของเทคโนโลยีในการลดช่องว่างการเข้าถึงบริการ

อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งในการดูแลสุขภาพจิตของผู้สูงอายุคือการเข้าถึงบริการ ผู้สูงอายุบางรายอาจมีข้อจำกัดในการเดินทางไปพบผู้เชี่ยวชาญ หรืออาจรู้สึกอึดอัดใจที่จะพูดคุยปัญหาส่วนตัวกับบุคคลอื่น เทคโนโลยีอย่าง ‘เพื่อนใจ AI’ สามารถเข้ามาช่วยลดช่องว่างตรงนี้ได้ โดยทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการให้ความช่วยเหลือทางอารมณ์เบื้องต้นในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยและเป็นส่วนตัวอย่างที่บ้านของผู้ใช้งานเอง สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยความรู้สึกมากขึ้น แต่ยังช่วยคัดกรองและระบุผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อส่งต่อเข้ารับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญได้อย่างทันท่วงที

ตารางเปรียบเทียบเป้าหมายและรูปแบบการทำงานของเทคโนโลยี AI ด้านสุขภาพจิตในไทย
คุณสมบัติ ‘เพื่อนใจ AI’ AI ในแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม”
เป้าหมายหลัก บรรเทาความเหงาและส่งเสริมสุขภาพจิตเชิงรุก คัดกรองและวิเคราะห์ความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า
รูปแบบการทำงาน เพื่อนคู่สนทนา ให้ความช่วยเหลือทางอารมณ์ เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (สีหน้า, น้ำเสียง, ข้อความ)
กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย ผู้สูงอายุที่เผชิญภาวะโดดเดี่ยวเป็นหลัก ประชาชนทั่วไปที่ต้องการประเมินความเสี่ยง
ลักษณะการโต้ตอบ เชิงสนทนาอย่างต่อเนื่องและเป็นธรรมชาติ การประเมินผลเป็นครั้งคราวตามการใช้งาน
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง พัฒนาคุณภาพชีวิตทางอารมณ์ในระยะยาว ระบุผู้มีความเสี่ยงเพื่อส่งต่อเข้ารับการรักษา

กรณีศึกษาและแรงบันดาลใจจากต่างประเทศ

แนวคิดในการใช้ หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ และ AI เพื่อเป็นเพื่อนคู่คิดไม่ใช่เรื่องใหม่ ในหลายประเทศที่มีโครงสร้างประชากรคล้ายคลึงกับประเทศไทยได้มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีลักษณะนี้มาใช้งานอย่างได้ผล ซึ่งความสำเร็จจากกรณีศึกษาในต่างประเทศได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางสำคัญในการพัฒนาโครงการ ‘เพื่อนใจ AI’ ให้เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย

ElliQ: ต้นแบบหุ่นยนต์ AI ดูแลผู้สูงวัย

หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จอย่างสูงคือ ElliQ หุ่นยนต์ AI จากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อดูแลและเป็นเพื่อนของผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ElliQ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียง แต่มีความสามารถในการสร้างปฏิสัมพันธ์เชิงรุก (Proactive Interaction) เช่น การเริ่มต้นบทสนทนาก่อน การแนะนำกิจกรรมที่น่าสนใจ หรือการชวนให้ออกกำลังกายเบาๆ ความสำเร็จของ ElliQ อยู่ที่ความสามารถในการสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับผู้ใช้งาน ช่วยลดความรู้สึกเหงาได้อย่างมีนัยสำคัญ และส่งเสริมพฤติกรรมที่เอื้อต่อสุขภาพที่ดี กรณีศึกษาของ ElliQ จึงเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า AI สามารถทำหน้าที่เป็น “เพื่อน” และผู้ดูแลที่มีประสิทธิภาพได้จริง ซึ่งเป็นแนวทางที่ทีมพัฒนา ‘เพื่อนใจ AI’ นำมาปรับใช้ในการออกแบบฟังก์ชันและประสบการณ์การใช้งาน

อนาคตของเทคโนโลยีสุขภาพ (Healthtech) ในประเทศไทย

การเปิดตัว ‘เพื่อนใจ AI’ เป็นส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ในการขับเคลื่อน เทคโนโลยีสุขภาพ หรือ Healthtech ในประเทศไทย ซึ่งกำลังขยายตัวและมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในระบบสาธารณสุข การนำ AI มาใช้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดูแลผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงการวินิจฉัยโรค การบริหารจัดการข้อมูลทางการแพทย์ และการส่งเสริมสุขภาพในเชิงป้องกัน

การต่อยอดสู่แพลตฟอร์ม “หมอพร้อม”

โครงการ ‘เพื่อนใจ AI’ สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการผลักดันให้แพลตฟอร์ม “หมอพร้อม” เป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพดิจิทัลของคนไทย ก่อนหน้านี้ “หมอพร้อม” ได้เริ่มนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์และคัดกรองภาวะซึมเศร้า โดยใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลจากสีหน้า น้ำเสียง และข้อความของผู้ใช้งาน เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของอาการและระบุผู้มีความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ การพัฒนา ‘เพื่อนใจ AI’ จึงเป็นการต่อยอดและขยายขีดความสามารถของระบบนิเวศสุขภาพดิจิทัลของไทยให้ครอบคลุมมิติของการดูแลทางอารมณ์และการสร้างเสริมสุขภาวะทางใจในระยะยาว ซึ่งอาจมีการเชื่อมโยงหรือบูรณาการเข้ากับแพลตฟอร์ม “หมอพร้อม” ในอนาคต เพื่อสร้างระบบการดูแลที่ไร้รอยต่อ

ความท้าทายและการสร้างความเข้าใจในกลุ่มผู้สูงวัย

แม้ว่าเทคโนโลยีจะมีศักยภาพสูง แต่ความท้าทายที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้งานหลักสามารถเข้าถึงและใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย อุปสรรคอาจมาจากความไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิทัล หรือความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ดังนั้น ภารกิจสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ และจัดอบรมทักษะดิจิทัล (Digital Literacy) ให้แก่ผู้สูงอายุและผู้ดูแล การออกแบบระบบให้ใช้งานง่าย (User-Friendly) และมีช่องทางการให้ความช่วยเหลือที่เข้าถึงสะดวก จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้โครงการ ‘เพื่อนใจ AI’ ประสบความสำเร็จและสร้างประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนในสังคมไทย

บทสรุปและก้าวต่อไปของ ‘เพื่อนใจ AI’

โครงการ ‘เพื่อนใจ AI’ คือความพยายามครั้งสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขในการนำนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์มาเป็นเครื่องมือในการดูแลสุขภาพจิตและบรรเทาความเหงาให้แก่ผู้สูงวัย ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายหลักของ สังคมผู้สูงวัย ด้วยการสร้างเพื่อนเสมือนจริงที่สามารถตอบสนองได้ทั้งในเชิงอารมณ์และความต้องการด้านสุขภาพ โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับระบบสาธารณสุขดิจิทัลของประเทศ

โดยอาศัยองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าจากทั้งในและต่างประเทศเป็นฐานสนับสนุน ‘เพื่อนใจ AI’ จึงมีศักยภาพที่จะเป็นมากกว่าแค่แอปพลิเคชัน แต่จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมที่ช่วยดูแลและเยียวยาจิตใจของประชากรกลุ่มเปราะบางได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ก้าวต่อไปของโครงการนี้คือการขยายผลการใช้งานในวงกว้าง ควบคู่ไปกับการรวบรวมข้อมูลเพื่อพัฒนาระบบให้มีความฉลาดและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีในการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคนในสังคม