“`html
อย. ไฟเขียว! เนื้อเพาะเลี้ยง จานแรกของคนไทย
การอนุมัติให้ผลิตและจำหน่ายเนื้อเพาะเลี้ยงในประเทศไทยโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศอย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้ไม่เพียงเปิดประตูสู่มิติใหม่ของการบริโภค แต่ยังเป็นการวางตำแหน่งประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตในระดับภูมิภาคอีกด้วย
ประเด็นสำคัญที่น่าจับตามอง
- การอนุมัติอย่างเป็นทางการ: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ให้การรับรองและอนุมัติการผลิตและจำหน่ายเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการแล้ว
- นวัตกรรมจากเซลล์: เนื้อเพาะเลี้ยง หรือที่รู้จักในชื่อเนื้อจากแล็บ เป็นเนื้อสัตว์จริงที่ผลิตจากการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์ในห้องปฏิบัติการ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์จากพืชหรือการดัดแปลงพันธุกรรม
- ผู้นำในภูมิภาค: การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลก และเป็นประเทศแรกๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อนุญาตให้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์
- ประโยชน์ที่ยั่งยืน: เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทำปศุสัตว์แบบดั้งเดิม ลดการใช้ที่ดินและน้ำ รวมถึงแก้ไขปัญหาด้านสวัสดิภาพสัตว์
- ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน: ความสำเร็จนี้เป็นผลจากความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาระหว่างสถาบันการศึกษาชั้นนำอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และภาคเอกชนที่มุ่งมั่นผลักดันเทคโนโลยีอาหาร
ข่าวที่ อย. ไฟเขียว! เนื้อเพาะเลี้ยง จานแรกของคนไทย ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการนั้น ถือเป็นหมุดหมายแห่งประวัติศาสตร์สำหรับวงการอาหารของประเทศ การอนุมัตินี้เป็นการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากเทคโนโลยีขั้นสูงมีความปลอดภัยตามมาตรฐาน และพร้อมสำหรับการบริโภค เนื้อเพาะเลี้ยงคือเนื้อสัตว์ที่ได้มาจากการนำเซลล์ต้นกำเนิดจากสัตว์มาเพาะเลี้ยงในสภาวะควบคุมภายในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เซลล์เจริญเติบโตและแบ่งตัวเป็นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ไขมัน และส่วนประกอบอื่นๆ จนมีลักษณะและรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์ที่ได้จากการเลี้ยงและการฆ่าสัตว์แบบดั้งเดิมทุกประการ ความเกี่ยวข้องของเรื่องนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตความมั่นคงทางอาหารของไทย การสร้างทางเลือกที่ยั่งยืน และการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก
จุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารไทย
การอนุมัติเนื้อเพาะเลี้ยงโดย อย. ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การอนุญาตให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ชนิดหนึ่งวางจำหน่ายในตลาด แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และการปรับตัวของหน่วยงานกำกับดูแลของไทยให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีระดับโลก เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเนื่องจากประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ความต้องการโปรตีนเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ที่ดินและแหล่งน้ำ กลับมีอยู่อย่างจำกัด การทำปศุสัตว์แบบดั้งเดิมยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล ทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก เนื้อเพาะเลี้ยงจึงเข้ามาเป็นคำตอบสำหรับความท้าทายเหล่านี้ โดยนำเสนอแหล่งโปรตีนทางเลือกที่สะอาด ยั่งยืน และสามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ
การตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นหลังจากกระบวนการพิจารณาและประเมินความปลอดภัยอย่างเข้มงวดโดย อย. เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าเนื้อเพาะเลี้ยงที่ผลิตในไทยนั้นได้มาตรฐานสากลและปลอดภัยต่อการบริโภค บุคคลที่ควรให้ความสนใจในเรื่องนี้ครอบคลุมตั้งแต่ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม, เกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารที่กำลังมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ, นักลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ, ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการวางนโยบายด้านอาหารและสาธารณสุขของประเทศ การอนุมัติครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมอาหาร ที่ซึ่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนทางอาหารให้กับคนรุ่นต่อไป
ทำความรู้จัก “เนื้อเพาะเลี้ยง” อาหารแห่งอนาคต
เพื่อทำความเข้าใจถึงศักยภาพและนัยสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ การทำความรู้จักกับแนวคิดพื้นฐาน กระบวนการผลิต และคุณสมบัติของเนื้อเพาะเลี้ยงจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
นิยามและความหมายของเนื้อเพาะเลี้ยง
เนื้อเพาะเลี้ยง (Cultured Meat หรือ Cell-based Meat) คือเนื้อสัตว์จริงที่ผลิตขึ้นโดยการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์ในห้องปฏิบัติการ แทนที่จะมาจากการเลี้ยงและชำแหละสัตว์ทั้งตัว กระบวนการนี้เริ่มต้นจากการเก็บตัวอย่างเซลล์จำนวนเล็กน้อยจากสัตว์ (เช่น วัว หมู หรือไก่) ด้วยวิธีที่ไม่สร้างความเจ็บปวดให้กับสัตว์ จากนั้นนำเซลล์เหล่านี้ไปเพาะเลี้ยงในถังปฏิกรณ์ชีวภาพ (Bioreactor) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมอย่างดีและจำลองสภาวะภายในร่างกายของสัตว์
ภายในถังปฏิกรณ์ เซลล์จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต เช่น กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุ และน้ำตาล ทำให้เซลล์สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาล จากนั้นเซลล์เหล่านี้จะถูกกระตุ้นให้พัฒนาไปเป็นเซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ไขมัน และเซลล์เกี่ยวพัน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อสัตว์ที่เราบริโภคกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือเนื้อสัตว์ที่มีโครงสร้างทางชีวภาพและคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกับเนื้อสัตว์ทั่วไป แต่ผลิตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและควบคุมได้
กระบวนการผลิตเนื้อจากแล็บ: จากเซลล์สู่จานอาหาร
กระบวนการผลิตเนื้อเพาะเลี้ยงสามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลักๆ ได้ดังนี้:
- การเก็บตัวอย่างเซลล์ (Cell Isolation): นักวิทยาศาสตร์จะทำการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อขนาดเล็กจากสัตว์เป้าหมายผ่านกระบวนการตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์ จากนั้นจึงคัดแยกเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) หรือเซลล์กล้ามเนื้อที่มีความสามารถในการแบ่งตัวสูงออกมา
- การเพาะเลี้ยงและเพิ่มจำนวน (Cell Proliferation): เซลล์ที่คัดเลือกแล้วจะถูกนำไปใส่ในถังปฏิกรณ์ชีวภาพ พร้อมกับสารอาหารเหลว (Culture Medium) ที่เปรียบเสมือน “อาหาร” สำหรับเซลล์ สภาพแวดล้อมภายในถัง เช่น อุณหภูมิและความเป็นกรด-ด่าง จะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อให้เซลล์สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนจากหลักพันเป็นหลักล้านเซลล์
- การพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อ (Tissue Differentiation): เมื่อมีจำนวนเซลล์มากเพียงพอแล้ว จะมีการปรับเปลี่ยนสูตรสารอาหารและใช้โครงสร้างค้ำจุนที่กินได้ (Edible Scaffolding) เพื่อกระตุ้นให้เซลล์พัฒนาไปเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อและไขมัน และรวมตัวกันเป็นเนื้อเยื่อที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริง
- การเก็บเกี่ยวและแปรรูป (Harvesting and Processing): เมื่อเนื้อเยื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จะถูกนำออกจากถังปฏิกรณ์และนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เช่น เนื้อบด ไส้กรอก หรือสเต็ก พร้อมสำหรับการปรุงและบริโภค
เทคโนโลยีเนื้อเพาะเลี้ยงไม่เพียงแต่มอบทางเลือกใหม่ในการบริโภค แต่ยังเป็นการปฏิวัติวิธีการผลิตอาหารของมนุษยชาติ โดยเปลี่ยนจากระบบเกษตรกรรมที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติมหาศาล ไปสู่ระบบการผลิตเชิงเทคโนโลยีชีวภาพที่มีประสิทธิภาพและควบคุมได้
ความแตกต่างระหว่างเนื้อเพาะเลี้ยงและเนื้อสัตว์ทั่วไป
แม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นเนื้อสัตว์เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญในหลายมิติระหว่างเนื้อเพาะเลี้ยงและเนื้อสัตว์จากฟาร์มแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้ดังตารางต่อไปนี้
คุณลักษณะ | เนื้อเพาะเลี้ยง (Cultured Meat) | เนื้อสัตว์จากฟาร์ม (Conventional Meat) |
---|---|---|
แหล่งที่มา | ผลิตจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ในห้องปฏิบัติการ | มาจากการเลี้ยงและชำแหละสัตว์ทั้งตัว |
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การใช้น้ำ, และการใช้ที่ดินได้อย่างมีนัยสำคัญ | เป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ, ใช้ทรัพยากรน้ำและที่ดินจำนวนมาก |
ประเด็นด้านจริยธรรม | ไม่จำเป็นต้องมีการฆ่าสัตว์ ลดปัญหาด้านสวัสดิภาพสัตว์ | เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ในระบบอุตสาหกรรมและการฆ่าสัตว์ |
ความปลอดภัยและสารปนเปื้อน | ผลิตในสภาพแวดล้อมปลอดเชื้อ ลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคและยาปฏิชีวนะตกค้าง | มีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซาลโมเนลลา และการใช้ยาปฏิชีวนะ |
ความสม่ำเสมอของผลิตภัณฑ์ | สามารถควบคุมคุณภาพ รสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ | คุณภาพและรสชาติมีความแปรผันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ การเลี้ยงดู และปัจจัยอื่นๆ |
การอนุมัติโดย อย. และผลกระทบต่อประเทศไทย
การตัดสินใจของ อย. ในครั้งนี้สร้างแรงกระเพื่อมที่สำคัญและส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทิศทางของอุตสาหกรรมอาหารและเทคโนโลยีของประเทศในอนาคต
ความสำคัญของการ “ไฟเขียว” จาก อย.
การอนุมัติจาก อย. เป็นมากกว่าแค่ใบอนุญาต แต่เป็นตราประทับแห่งความเชื่อมั่นที่สำคัญที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากเทคโนโลยีนวัตกรรมขั้นสูง การ “ไฟเขียว” ครั้งนี้มีความหมายหลายประการ:
- การรับรองความปลอดภัย: เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเนื้อเพาะเลี้ยงได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว และมีความปลอดภัยสำหรับการบริโภคของมนุษย์ ซึ่งจะช่วยขจัดความกังวลและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคชาวไทย
- การเปิดประตูสู่เชิงพาณิชย์: การอนุมัตินี้ทำให้ผู้ผลิตสามารถวางแผนการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในตลาดได้อย่างถูกกฎหมาย เป็นการปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจและดึงดูดการลงทุนเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารอนาคตของไทย
- การสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรม: การที่ อย. เข้ามากำกับดูแลและวางกรอบเกณฑ์มาตรฐานสำหรับเนื้อเพาะเลี้ยง จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและเป็นระบบในระยะยาว
ประเทศไทยในเวทีโลกด้านอาหารอนาคต
การอนุมัติครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาอยู่ในกลุ่มประเทศผู้นำด้านนวัตกรรมอาหาร เช่นเดียวกับสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา ที่ได้มีการอนุมัติการจำหน่ายเนื้อเพาะเลี้ยงไปก่อนหน้านี้แล้ว การเคลื่อนไหวนี้เป็นการส่งสัญญาณไปยังประชาคมโลกว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “ครัวของโลก” ในด้านวัตถุดิบและการแปรรูปอาหารแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีอาหาร (FoodTech) ที่พร้อมจะแข่งขันและร่วมมือกำหนดทิศทางของอาหารแห่งอนาคต
ความสำเร็จนี้ยังเกิดจากความพยายามในการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายในประเทศ โดยมีสถาบันการศึกษาอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นแกนหลักในการสร้างองค์ความรู้ และมีภาคเอกชน เช่น บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันงานวิจัยไปสู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรม ความร่วมมือที่แข็งแกร่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ไทยสามารถรักษาความเป็นผู้นำในภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน
โอกาสและความท้าทายในตลาดไทย
แม้ว่าการอนุมัติจะเป็นข่าวดี แต่การเดินทางของเนื้อเพาะเลี้ยงในตลาดไทยยังคงมีทั้งโอกาสและความท้าทายรออยู่ข้างหน้า โอกาสที่สำคัญคือการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน มีจริยธรรม และดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่มีมูลค่าสูงและสร้างงานให้กับบุคลากรที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีชีวภาพ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักยังคงอยู่ที่การยอมรับของผู้บริโภคในวงกว้าง ซึ่งจำเป็นต้องมีการสื่อสารและให้ความรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ประเด็นด้านราคาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เนื่องจากในระยะแรก ต้นทุนการผลิตเนื้อเพาะเลี้ยงยังคงสูงกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป การขยายกำลังการผลิต (Scale-up) เพื่อลดต้นทุนให้สามารถแข่งขันได้จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ
ประโยชน์ของเนื้อเพาะเลี้ยงในมิติที่หลากหลาย
ศักยภาพของเนื้อเพาะเลี้ยงนั้นขยายขอบเขตไปไกลกว่าแค่การเป็นอาหารทางเลือก แต่ยังสามารถเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาใหญ่ระดับโลกได้ในหลายมิติ
ผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม
อุตสาหกรรมปศุสัตว์เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม การผลิตเนื้อเพาะเลี้ยงสามารถช่วยลดผลกระทบเหล่านี้ได้อย่างมหาศาล จากข้อมูลการวิจัยหลายชิ้นพบว่า เมื่อเทียบกับการผลิตเนื้อวัวแบบดั้งเดิม การผลิตเนื้อเพาะเลี้ยงสามารถ:
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้มากกว่า 90% เนื่องจากไม่ต้องมีการเลี้ยงสัตว์ซึ่งปล่อยก๊าซมีเทนจำนวนมาก
- ลดการใช้ที่ดิน ได้มากกว่า 95% เพราะไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชอาหารสัตว์
- ลดการใช้น้ำ ได้มากกว่า 80% เนื่องจากกระบวนการผลิตในระบบปิดสามารถนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตอบโจทย์ด้านจริยธรรมและความเป็นอยู่ของสัตว์
สำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก ประเด็นด้านสวัสดิภาพสัตว์เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้ออาหาร เนื้อเพาะเลี้ยงเสนอกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์ที่ปราศจากการฆ่าโดยสิ้นเชิง เนื่องจากใช้เซลล์เพียงเล็กน้อยจากสัตว์ที่มีชีวิตเพียงครั้งเดียวเพื่อเริ่มต้นกระบวนการเพาะเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งช่วยขจัดข้อกังวลด้านจริยธรรมที่เกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ในสภาพแออัดและการปฏิบัติต่อสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์
ความมั่นคงและความปลอดภัยทางอาหาร
การผลิตเนื้อเพาะเลี้ยงในระบบปิดและสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนจากเชื้อโรคที่มักพบในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เช่น E. coli หรือ Salmonella ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะในกระบวนการผลิต ซึ่งช่วยลดปัญหาการดื้อยาของเชื้อโรคที่กำลังเป็นวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขทั่วโลก ในระยะยาว เทคโนโลยีนี้ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารโดยทำให้สามารถผลิตโปรตีนคุณภาพสูงได้ทุกที่ในโลก โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศหรือความพร้อมของที่ดินอีกต่อไป
บทสรุป: อนาคตของอาหารบนจานของคนไทย
การที่ อย. ไฟเขียว! เนื้อเพาะเลี้ยง จานแรกของคนไทย นับเป็นมากกว่าเพียงแค่การอนุมัติผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่คือการเปิดศักราชใหม่ของอุตสาหกรรมอาหารไทยอย่างแท้จริง นี่คือบทพิสูจน์ถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความกล้าหาญในการปรับตัวของหน่วยงานภาครัฐ และวิสัยทัศน์ของภาคเอกชนและนักวิจัยไทยที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้า
เนื้อเพาะเลี้ยงนำเสนอทางออกที่ยั่งยืนต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม จริยธรรม และความมั่นคงทางอาหารที่โลกกำลังเผชิญอยู่ แม้ว่าหนทางข้างหน้ายังคงมีความท้าทายทั้งในด้านต้นทุนการผลิตและการสร้างการยอมรับในหมู่ผู้บริโภค แต่ก้าวแรกที่สำคัญที่สุดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว การอนุมัติในครั้งนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการลงทุน การวิจัย และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีขึ้น ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นในอนาคต การเดินทางของอาหารแห่งอนาคตบนจานของคนไทยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และนี่คือจุดเปลี่ยนที่จะกำหนดทิศทางความยั่งยืนของระบบอาหารของประเทศไปอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
“`