“`html
เที่ยวไทยเฟสใหม่! เช็คเงื่อนไขก่อนลงทะเบียน
- ภาพรวมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568”
- เงื่อนไขและรายละเอียดสิทธิประโยชน์สำหรับประชาชน
- ขั้นตอนการลงทะเบียนและใช้งาน: สำหรับนักท่องเที่ยว
- สำหรับผู้ประกอบการ: แนวทางการเข้าร่วมโครงการ
- วิเคราะห์ผลกระทบและเป้าหมายของโครงการเที่ยวไทยเฟสใหม่
- สรุป: เตรียมพร้อมก่อนใครกับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568”
รัฐบาลได้ประกาศมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศครั้งใหม่ภายใต้ชื่อโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” หรือ “เราเที่ยวด้วยกัน 2568” ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริมให้เกิดการเดินทางและใช้จ่ายภายในประเทศ เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้มอบสิทธิประโยชน์ส่วนลดค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการเดินทางให้กับประชาชนชาวไทย
- การสนับสนุนค่าใช้จ่าย: รัฐบาลสนับสนุนค่าที่พักสูงสุด 50% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน โดยมีเงื่อนไขแตกต่างกันระหว่างวันธรรมดาและวันหยุด รวมถึงการเข้าพักในเมืองหลักและเมืองรอง
- คุณสมบัติผู้รับสิทธิ์: ต้องเป็นประชาชนไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด และติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เพื่อใช้ในการรับและใช้สิทธิ์
- ข้อกำหนดสำคัญ: ผู้เข้าร่วมโครงการไม่สามารถจองโรงแรมหรือที่พักในจังหวัดเดียวกับทะเบียนบ้านของตนเองได้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางข้ามจังหวัดอย่างแท้จริง
- ระยะเวลาและจำนวนสิทธิ์: โครงการเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป โดยสิทธิ์มีจำนวนจำกัด จึงควรเตรียมความพร้อมและลงทะเบียนโดยเร็ว
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม: นอกจากส่วนลดค่าที่พัก ยังมี E-Voucher สำหรับใช้จ่ายค่าอาหาร สินค้า OTOP บริการสปา และบริการเช่าพาหนะที่เข้าร่วมโครงการ
ประเด็นสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องศึกษาสำหรับเที่ยวไทยเฟสใหม่! เช็คเงื่อนไขก่อนลงทะเบียน คือการทำความเข้าใจรายละเอียดของโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญจากภาครัฐที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศโดยตรง โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรองและในช่วงวันธรรมดาซึ่งมักมีการท่องเที่ยวน้อยกว่าปกติ การทำความเข้าใจเงื่อนไขต่างๆ ล่วงหน้าจะช่วยให้การวางแผนเดินทางและการใช้สิทธิ์เป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์สูงสุด
ภาพรวมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568”
โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” เป็นนโยบายต่อเนื่องที่รัฐบาลนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ โดยอาศัยกลไกการสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อจูงใจให้เกิดการเดินทางและกระจายรายได้ไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยวที่ได้รับส่วนลดค่าใช้จ่าย แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจฐานรากและช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยเฉพาะหลังจากการเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจต่างๆ
วัตถุประสงค์หลักของโครงการ
เป้าหมายหลักของโครงการนี้สามารถสรุปได้เป็น 3 ประการสำคัญ:
- กระตุ้นการใช้จ่ายและส่งเสริมการเดินทางภายในประเทศ: วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนที่สุดคือการเพิ่มความถี่ในการเดินทางของคนไทย ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ ตั้งแต่ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ไปจนถึงการซื้อของที่ระลึกและสินค้าท้องถิ่น
- ช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว: โครงการมุ่งเป้าที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว และธุรกิจบริการอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ โดยการเพิ่มอัตราการเข้าพักและปริมาณลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวในวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) เพื่อเพิ่มรายได้นอกช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น
- กระจายรายได้สู่เมืองรองและชุมชนท้องถิ่น: หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการออกแบบสิทธิประโยชน์ให้จูงใจนักท่องเที่ยวเดินทางไปยัง “เมืองรอง” มากขึ้น ผ่านการมอบส่วนลดค่าที่พักในอัตราที่สูงกว่าเมืองหลัก เพื่อให้เม็ดเงินกระจายตัวออกไปนอกพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และส่งเสริมให้เกิดการค้นพบแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ รวมถึงสนับสนุนสินค้า OTOP และบริการในชุมชน
กลุ่มเป้าหมาย: ใครจะได้รับประโยชน์
โครงการนี้ออกแบบมาให้เกิดประโยชน์กับหลายภาคส่วนด้วยกัน:
- ประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวไทย: กลุ่มผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงคือประชาชนชาวไทยอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ทำให้สามารถท่องเที่ยวได้บ่อยขึ้นหรือเลือกที่พักที่มีคุณภาพสูงขึ้นได้
- ผู้ประกอบการโรงแรมและที่พัก: เป็นกลุ่มที่ได้รับผลดีอย่างชัดเจนจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพัก โดยเฉพาะโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กในเมืองรองที่อาจต้องการแรงสนับสนุนเป็นพิเศษ
- ผู้ประกอบการร้านค้าและบริการ: ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ผู้ให้บริการสปา/นวดเพื่อสุขภาพ และบริการรถเช่า/เรือเช่าที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับประโยชน์จาก E-Voucher ที่นักท่องเที่ยวได้รับเพิ่มเติม ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- เศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและภาพรวม: การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วนของการท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับจุลภาคและมหภาค สร้างงาน และรักษาการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
เงื่อนไขและรายละเอียดสิทธิประโยชน์สำหรับประชาชน
เพื่อให้การใช้สิทธิ์เป็นไปอย่างถูกต้องและได้รับประโยชน์สูงสุด ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ เที่ยวไทยเฟสใหม่! เช็คเงื่อนไขก่อนลงทะเบียน จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดและข้อกำหนดต่างๆ อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะในส่วนของการสนับสนุนค่าใช้จ่ายและข้อจำกัดในการใช้งาน
การสนับสนุนค่าที่พัก: ส่วนลดและข้อจำกัด
หัวใจสำคัญของโครงการคือการสนับสนุนค่าที่พัก โดยมีโครงสร้างที่แตกต่างกันเพื่อส่งเสริมเป้าหมายของโครงการในการกระจายการท่องเที่ยว โดยมีรายละเอียดดังนี้:
ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิ์สนับสนุนค่าที่พักสูงสุดไม่เกิน 5 คืน (หรือ 5 ห้อง) ต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยแบ่งโควต้าการใช้งานระหว่างเมืองหลักและเมืองรองอย่างชัดเจน
โครงสร้างส่วนลดถูกออกแบบมาเพื่อจูงใจให้เกิดการเดินทางในวันธรรมดาและไปยังเมืองรองมากขึ้น ซึ่งสามารถสรุปเปรียบเทียบได้ดังตารางต่อไปนี้
ประเภทพื้นที่ | วันเข้าพัก | อัตราการสนับสนุนจากรัฐบาล |
---|---|---|
เมืองรอง | วันธรรมดา (จันทร์ – ศุกร์) | 50% ของราคาที่พัก |
เมืองรอง | วันหยุด (เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) | 40% ของราคาที่พัก |
เมืองหลัก | ทุกวัน (จันทร์ – อาทิตย์) | 40% ของราคาที่พัก |
นอกจากนี้ จำนวนคืนที่สามารถใช้สิทธิ์ได้จะถูกจำกัด โดยแบ่งเป็น เมืองหลักไม่เกิน 3 คืน และ เมืองรองไม่เกิน 2 คืน รวมสูงสุด 5 คืนต่อคนตลอดโครงการ
ข้อกำหนดสำคัญที่ต้องทราบก่อนใช้สิทธิ์
นอกเหนือจากเรื่องส่วนลดแล้ว ยังมีเงื่อนไขสำคัญอื่นๆ ที่ผู้ใช้สิทธิ์ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ได้แก่:
- ห้ามใช้สิทธิ์ในจังหวัดตามทะเบียนบ้าน: เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของโครงการที่ต้องการให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัด ผู้รับสิทธิ์จึงไม่สามารถจองและเข้าพักในโรงแรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกับที่ระบุในบัตรประชาชนของตนเอง
- ต้องมีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”: การลงทะเบียน ยืนยันตัวตน จ่ายเงินส่วนต่าง และใช้ E-Voucher ทั้งหมดจะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น จึงจำเป็นต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันให้พร้อมใช้งานก่อนเริ่มลงทะเบียน
- คุณสมบัติผู้ลงทะเบียน: ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน และมีบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดที่ยังไม่หมดอายุ
สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอื่นๆ
เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น นอกจากส่วนลดค่าที่พักแล้ว โครงการยังมอบ E-Voucher ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งจะได้รับหลังจากเช็คอินเข้าที่พักแล้ว โดยมูลค่าของ E-Voucher อาจแตกต่างกันไปตามข้อกำหนดของโครงการในแต่ละช่วงเวลา คูปองดิจิทัลนี้สามารถนำไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งครอบคลุม:
- ค่าอาหารและเครื่องดื่มในร้านอาหารและภัตตาคาร
- ค่าสินค้า OTOP จากร้านค้าในชุมชน
- ค่าบริการสปาและนวดเพื่อสุขภาพที่ได้รับการรับรอง
- ค่าบริการรถเช่าหรือเรือเช่าสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว
สิทธิประโยชน์ส่วนนี้มีบทบาทสำคัญในการกระจายรายได้ไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ท่องเที่ยวโดยตรง
ขั้นตอนการลงทะเบียนและใช้งาน: สำหรับนักท่องเที่ยว
กระบวนการลงทะเบียนและใช้สิทธิ์ถูกออกแบบมาให้ดำเนินการผ่านระบบดิจิทัลเป็นหลักเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้ไม่พลาดสิทธิ์ที่มีจำนวนจำกัด
การเตรียมตัวก่อนลงทะเบียน
ก่อนถึงวันเปิดลงทะเบียน (1 กรกฎาคม 2568) ควรเตรียมความพร้อมดังนี้:
- บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด: ตรวจสอบว่าบัตรยังไม่หมดอายุและอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
- สมาร์ทโฟน: เตรียมโทรศัพท์มือถือที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและรองรับการติดตั้งแอปพลิเคชันได้
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”: หากยังไม่มี ควรดาวน์โหลดจาก App Store หรือ Google Play Store และทำการลงทะเบียนยืนยันตัวตน (e-KYC) ให้เรียบร้อย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูล
ขั้นตอนการลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านช่องทางที่กำหนด
เมื่อถึงวันเปิดลงทะเบียน ประชาชนสามารถดำเนินการผ่านเว็บไซต์ของโครงการ (ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ) โดยมีขั้นตอนโดยสังเขปดังนี้:
- เข้าไปที่เว็บไซต์โครงการและเลือกเมนูลงทะเบียนสำหรับประชาชน
- กรอกข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น เช่น เลขบัตรประจำตัวประชาชน ชื่อ-นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับแอปพลิเคชันเป๋าตัง
- อ่านและยอมรับเงื่อนไขของโครงการ
- รอรับ SMS หรือการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเพื่อยืนยันผลการลงทะเบียน
เนื่องจากสิทธิ์มีจำนวนจำกัด การลงทะเบียนในช่วงเวลาแรกๆ ที่เปิดระบบจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การจองที่พักและใช้งานสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”
หลังจากได้รับสิทธิ์แล้ว การจองและชำระเงินจะดำเนินการผ่านช่องทางของผู้ให้บริการจองที่พักออนไลน์ที่ร่วมโครงการ หรือจองโดยตรงกับโรงแรมที่เข้าร่วม จากนั้นขั้นตอนการชำระเงินเพื่อใช้สิทธิ์จะเป็นดังนี้:
- เมื่อทำการจองที่พัก จะได้รับการแจ้งเตือนการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
- เปิดแอปพลิเคชันและตรวจสอบรายละเอียดการจอง ยอดเงินที่ต้องชำระ (ส่วนของประชาชน) และยอดที่รัฐบาลสนับสนุน
- ทำการชำระเงินส่วนของตนเองผ่าน G-Wallet ในแอปพลิเคชันเป๋าตังภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อยืนยันการจองและรักษาสิทธิ์
- เมื่อถึงวันเข้าพัก ให้ใช้ QR Code จากแอปพลิเคชันเป๋าตังเพื่อเช็คอินกับทางโรงแรม
- หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว E-Voucher สำหรับใช้จ่ายอื่นๆ จะปรากฏในแอปฯ เพื่อให้สามารถนำไปใช้กับร้านค้าที่ร่วมรายการได้ทันที
สำหรับผู้ประกอบการ: แนวทางการเข้าร่วมโครงการ
ความสำเร็จของโครงการขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้
คุณสมบัติและขั้นตอนการลงทะเบียนสำหรับโรงแรมและที่พัก
ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท หรือที่พักที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม (สำหรับสถานประกอบการที่มีห้องพักมากกว่า 4 ห้อง) หรือมีเอกสารยืนยันการจดทะเบียนธุรกิจอย่างถูกต้อง สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมได้ โดยต้องมีบัญชีธนาคารกรุงไทยเพื่อใช้ในการรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ การลงทะเบียนจะทำผ่านช่องทางที่ธนาคารกรุงไทยหรือหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบประกาศไว้
การเข้าร่วมของร้านค้าและบริการอื่นๆ
สำหรับร้านอาหาร ร้านค้า OTOP และผู้ให้บริการอื่นๆ ที่ต้องการรับชำระเงินผ่าน E-Voucher ของโครงการ จะต้องสมัครใช้บริการแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรับชำระเงินดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเป๋าตังโดยตรง การสมัครใช้งานถุงเงินจะช่วยให้ร้านค้าสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช้สิทธิ์ในโครงการและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้
วิเคราะห์ผลกระทบและเป้าหมายของโครงการเที่ยวไทยเฟสใหม่
โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” ถูกออกแบบมาพร้อมกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่นอกเหนือไปจากการกระตุ้นการใช้จ่ายในระยะสั้น แต่ยังมุ่งสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวในประเทศ
การกระตุ้นเศรษฐกิจในเมืองรอง
การกำหนดอัตราส่วนลดที่สูงกว่าสำหรับเมืองรอง (50% ในวันธรรมดา) เป็นกลไกสำคัญที่จูงใจให้นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่อาจไม่เคยอยู่ในแผนการเดินทางมาก่อน สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยกระจายความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวออกจากเมืองหลัก แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้แหล่งท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่นในเมืองรองเป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชนอย่างยั่งยืน
การส่งเสริมการท่องเที่ยวในวันธรรมดา
ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของอุตสาหกรรมโรงแรมคืออัตราการเข้าพักที่ต่ำมากในช่วงวันธรรมดา โครงการนี้จึงพยายามแก้ไขปัญหานี้โดยตรงผ่านการมอบส่วนลดในอัตราที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าพักในวันจันทร์ถึงศุกร์ การกระทำดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการมีรายได้ที่สม่ำเสมอมากขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ สามารถบริหารจัดการพนักงานและทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดภาวะ “ล้น” ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ความโปร่งใสและการป้องกันการทุจริตผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล
การทำธุรกรรมทั้งหมดผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างแอปพลิเคชันเป๋าตังและถุงเงิน ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดโอกาสการทุจริตที่อาจเคยเกิดขึ้นในโครงการลักษณะเดียวกันในอดีต ระบบสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งหมด ตั้งแต่การยืนยันตัวตนของผู้ใช้สิทธิ์ การจ่ายเงิน ไปจนถึงการโอนเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเข้าบัญชีของผู้ประกอบการโดยตรง ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเงินงบประมาณจะถูกนำไปใช้อย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
สรุป: เตรียมพร้อมก่อนใครกับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568”
โครงการเที่ยวไทยเฟสใหม่ หรือ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” เป็นโอกาสอันดีสำหรับประชาชนชาวไทยในการออกเดินทางสำรวจความสวยงามของประเทศในราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การทำความเข้าใจเงื่อนไขสำคัญต่างๆ เช่น อัตราส่วนลดที่แตกต่างกันระหว่างเมืองหลักและเมืองรอง ข้อจำกัดเรื่องการใช้สิทธิ์ในจังหวัดตนเอง และความจำเป็นในการใช้แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” จะเป็นกุญแจสำคัญในการใช้ประโยชน์จากโครงการนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ
เนื่องจากสิทธิ์มีจำนวนจำกัดและคาดว่าจะมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ผู้ที่วางแผนจะใช้สิทธิ์ควรเตรียมความพร้อมด้านเอกสารและแอปพลิเคชันให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และติดตามประกาศอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการรับสิทธิ์สนับสนุนการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างความสุขและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้เดินทาง แต่ยังมีส่วนช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอีกด้วย
“`