ภ.ง.ด.94 คืออะไร? ใครต้องยื่นภาษีครึ่งปี (ใกล้หมดเขต!)
สรุปประเด็นสำคัญของการยื่น ภ.ง.ด.94
- ภ.ง.ด.94 คือ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับครึ่งปี สำหรับผู้ที่มีเงินได้นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ เช่น ฟรีแลนซ์, ผู้ค้าออนไลน์, ผู้ให้เช่าทรัพย์สิน
- ผู้มีหน้าที่ยื่น: บุคคลธรรมดาที่มีเงินได้ประเภทที่ 5 ถึง 8 (มาตรา 40(5) – 40(8)) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี (1 มกราคม – 30 มิถุนายน) เกิน 60,000 บาท (โสด) หรือ 120,000 บาท (สมรส)
- กำหนดการยื่น: ยื่นแบบและชำระภาษีได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน ของทุกปีภาษี
- วัตถุประสงค์หลัก: เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระภาษีที่ต้องจ่ายเป็นเงินก้อนใหญ่ปลายปี และช่วยให้รัฐสามารถบริหารการจัดเก็บภาษีได้อย่างต่อเนื่อง
- ความสำคัญ: การยื่น ภ.ง.ด.94 เป็นหน้าที่ตามกฎหมาย การละเลยอาจนำไปสู่ค่าปรับและเงินเพิ่มตามที่กรมสรรพากรกำหนด
ความหมายและความสำคัญของ ภ.ง.ด.94
สำหรับผู้มีเงินได้หลายท่านอาจคุ้นเคยกับการยื่นภาษีประจำปีในช่วงต้นปีถัดไป แต่สำหรับผู้ที่มีรายได้บางประเภท การยื่นภาษีไม่ได้มีเพียงครั้งเดียวต่อปีเท่านั้น บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกว่า ภ.ง.ด.94 คืออะไร? ใครต้องยื่นภาษีครึ่งปี (ใกล้หมดเขต!) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้มีเงินได้ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ควรทำความเข้าใจเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ทางภาษีได้อย่างถูกต้องและหลีกเลี่ยงบทลงโทษที่อาจเกิดขึ้น ภ.ง.ด.94 เป็นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับรอบครึ่งปีภาษี ซึ่งครอบคลุมรายได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายนของปีนั้นๆ
การยื่นภาษีครึ่งปีมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถทยอยชำระภาษีได้ โดยไม่ต้องรับภาระหนักจากการชำระภาษีเป็นเงินก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียวเมื่อสิ้นปี ขณะเดียวกันก็เป็นกลไกที่ช่วยให้กรมสรรพากรสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดและจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตลอดทั้งปี การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ภ.ง.ด.94 จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังเป็นการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลที่สำคัญ ช่วยให้สามารถประเมินภาระภาษีและเตรียมสภาพคล่องไว้ล่วงหน้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใกล้ถึงกำหนดเส้นตายในการยื่นแบบช่วงปลายเดือนกันยายนของทุกปี การเตรียมความพร้อมจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ใครคือผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94
ไม่ใช่ทุกคนที่มีรายได้จะต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 กฎหมายได้กำหนดกลุ่มบุคคลและประเภทเงินได้ที่เข้าข่ายไว้อย่างชัดเจน โดยเน้นไปที่ผู้มีเงินได้ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของเงินเดือนหรือค่าจ้างประจำ ซึ่งมักมีความผันผวนของรายได้สูงกว่า การยื่นภาษีครึ่งปีจึงเปรียบเสมือนการประเมินรายได้และคำนวณภาษีเบื้องต้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในช่วง 6 เดือนแรก
เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำที่ต้องยื่น
ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามประเภทที่กฎหมายกำหนด จะต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 หากมีรายได้รวมในช่วงครึ่งปีแรก (1 มกราคม – 30 มิถุนายน) ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำดังต่อไปนี้:
- กรณีเป็นผู้โสด: มีรายได้รวมเกิน 60,000 บาท
- กรณีมีคู่สมรส: มีรายได้รวม (ทั้งของตนเองและคู่สมรส) เกิน 120,000 บาท
หากรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกไม่ถึงเกณฑ์ดังกล่าว ก็ไม่จำเป็นต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 แต่ยังคงมีหน้าที่ต้องนำรายได้ทั้งปีไปรวมคำนวณเพื่อยื่นภาษีประจำปี (ภ.ง.ด.90) ในช่วงต้นปีถัดไปตามปกติ
เจาะลึกประเภทเงินได้ที่ต้องยื่นภาษีครึ่งปี
เงินได้ที่เข้าข่ายต้องนำมายื่นแบบ ภ.ง.ด.94 คือเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) ถึง 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งสรุปได้ดังนี้
เงินได้ประเภทที่ 5 (มาตรา 40(5)) – ค่าเช่า
เป็นเงินได้ในรูปแบบของค่าเช่าทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน, ที่ดิน, อาคาร, คอนโดมิเนียม หรือสังหาริมทรัพย์ เช่น รถยนต์, เครื่องจักร รวมถึงรายได้จากการผิดสัญญาเช่าซื้อ หรือสัญญาซื้อขายเงินผ่อน
เงินได้ประเภทที่ 6 (มาตรา 40(6)) – วิชาชีพอิสระ
รายได้จากกลุ่มวิชาชีพอิสระที่กฎหมายกำหนด 6 สาขา ได้แก่ การประกอบโรคศิลปะ (แพทย์, ทันตแพทย์, พยาบาล), นักกฎหมาย, วิศวกร, สถาปนิก, นักบัญชี และช่างประณีตศิลป์
เงินได้ประเภทที่ 7 (มาตรา 40(7)) – การรับเหมา
เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนจัดหาสัมภาระในส่วนสำคัญนอกเหนือจากเครื่องมือ เช่น การรับเหมาก่อสร้าง, การรับจ้างทำของ ที่ผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหาวัสดุเอง
เงินได้ประเภทที่ 8 (มาตรา 40(8)) – ธุรกิจและอื่น ๆ
เป็นกลุ่มเงินได้ที่กว้างที่สุดและครอบคลุมอาชีพอิสระส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เช่น รายได้จากธุรกิจ, การพาณิชย์, การเกษตร, การอุตสาหกรรม, การขนส่ง และเงินได้อื่น ๆ ที่ไม่เข้าข่ายประเภทที่ 1 ถึง 7 ตัวอย่างที่พบบ่อย ได้แก่:
- พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
- ฟรีแลนซ์ (นักเขียน, กราฟิกดีไซเนอร์, โปรแกรมเมอร์, ที่ปรึกษา)
- นักแสดง, นักร้อง, พิธีกร
- YouTuber, Influencer, Blogger
- รายได้จากการขายทรัพย์สินที่ได้มาโดยมุ่งค้าหากำไร
ผู้มีรายได้จากเงินเดือนประจำ (มาตรา 40(1)) เพียงอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องยื่น ภ.ง.ด.94 แต่หากมีรายได้เสริมจากประเภท 40(5)-(8) ควบคู่ไปด้วย จะต้องนำรายได้เสริมนั้นมาพิจารณายื่นภาษีครึ่งปีหากถึงเกณฑ์ที่กำหนด
ประเภทเงินได้ (มาตรา 40) | คำอธิบาย | ตัวอย่าง | หักค่าใช้จ่าย (เหมา) |
---|---|---|---|
ประเภทที่ 5 | ค่าเช่าทรัพย์สิน | ค่าเช่าบ้าน, ที่ดิน, รถยนต์ | 10% – 30% (ขึ้นอยู่กับประเภททรัพย์สิน) |
ประเภทที่ 6 | วิชาชีพอิสระ | แพทย์, วิศวกร, นักบัญชี | 30% หรือ 60% (แล้วแต่สาขา) |
ประเภทที่ 7 | การรับเหมา | รับเหมาก่อสร้าง, รับจ้างทำของ | 60% |
ประเภทที่ 8 | ธุรกิจและอื่น ๆ | ขายของออนไลน์, ฟรีแลนซ์, นักแสดง | 40% หรือ 60% (ขึ้นอยู่กับกิจกรรม) |
การคำนวณภาษีสำหรับ ภ.ง.ด.94
การคำนวณภาษีครึ่งปีมีหลักการคล้ายกับการคำนวณภาษีสิ้นปี แต่จะใช้ข้อมูลรายได้, ค่าใช้จ่าย, และค่าลดหย่อนที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปีเท่านั้น เพื่อหาจำนวนภาษีที่ต้องชำระล่วงหน้า
ขั้นตอนการคำนวณภาษี
สูตรการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับครึ่งปีเป็นดังนี้:
(เงินได้พึงประเมิน (ม.ค. – มิ.ย.) – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) = เงินได้สุทธิ
จากนั้นนำเงินได้สุทธิไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีก้าวหน้า (5% – 35%) ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับการคำนวณภาษีสิ้นปี
เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = ภาษีที่คำนวณได้
จำนวนภาษีที่คำนวณได้นี้คือยอดที่ต้องชำระสำหรับ ภ.ง.ด.94 และยอดนี้สามารถนำไปใช้เป็นเครดิตภาษีเมื่อยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ตอนสิ้นปีได้ หมายความว่าภาษีที่จ่ายไปแล้วในช่วงครึ่งปี จะถูกนำไปหักออกจากภาษีที่ต้องจ่ายทั้งปี
การหักค่าใช้จ่าย
ผู้มีเงินได้สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธี คือ:
- การหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา: เป็นการหักค่าใช้จ่ายในอัตราร้อยละที่กฎหมายกำหนดตามประเภทเงินได้ (ดังแสดงในตาราง) โดยไม่ต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่ายจริง เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเก็บเอกสารหรือมีค่าใช้จ่ายจริงน้อยกว่าอัตราเหมา
- การหักค่าใช้จ่ายตามจริง: เป็นการหักค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริงในการประกอบธุรกิจ ผู้เสียภาษีต้องรวบรวมและจัดเก็บเอกสารหลักฐานค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ใบเสร็จรับเงิน, ใบกำกับภาษี เพื่อใช้ประกอบการยื่นและพร้อมให้กรมสรรพากรตรวจสอบ
การหักค่าลดหย่อน
ในการยื่น ภ.ง.ด.94 นั้น ค่าลดหย่อนบางรายการจะสามารถหักได้เพียงครึ่งหนึ่งของสิทธิ์ทั้งปี เนื่องจากเป็นการคำนวณภาษีสำหรับรอบ 6 เดือนเท่านั้น ตัวอย่างค่าลดหย่อนที่ต้องหารสอง ได้แก่:
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว (ปกติ 60,000 บาท จะเหลือ 30,000 บาท)
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส (ปกติ 60,000 บาท จะเหลือ 30,000 บาท)
- ค่าลดหย่อนบุตร (ปกติคนละ 30,000 บาท จะเหลือคนละ 15,000 บาท)
- ค่าลดหย่อนบิดามารดา (ปกติคนละ 30,000 บาท จะเหลือคนละ 15,000 บาท)
- เบี้ยประกันชีวิต (หักได้ตามจริงที่จ่ายในช่วงครึ่งปี แต่ไม่เกิน 50,000 บาท)
ส่วนค่าลดหย่อนบางประเภท เช่น เบี้ยประกันสุขภาพ และเงินบริจาค สามารถนำมาหักได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงในช่วงครึ่งปีแรก แต่ต้องไม่เกินเพดานที่กฎหมายกำหนดสำหรับรายการนั้นๆ
ตัวอย่างการคำนวณเบื้องต้น
นาย ก. เป็นโปรแกรมเมอร์ฟรีแลนซ์ (สถานะโสด) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 500,000 บาท และจ่ายเบี้ยประกันชีวิตไป 12,000 บาท นาย ก. เลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา
- เงินได้พึงประเมิน (ม.ค. – มิ.ย.): 500,000 บาท (เงินได้ประเภทที่ 8)
- หัก ค่าใช้จ่าย (แบบเหมา 60%): 500,000 x 60% = 300,000 บาท
- เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย: 500,000 – 300,000 = 200,000 บาท
- หัก ค่าลดหย่อน:
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว (ครึ่งปี): 30,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิต (จ่ายจริง): 12,000 บาท
- รวมค่าลดหย่อน: 42,000 บาท
- เงินได้สุทธิ: 200,000 – 42,000 = 158,000 บาท
- คำนวณภาษี:
- เงินได้สุทธิ 0 – 150,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษี
- ส่วนที่เกิน 150,000 บาท (158,000 – 150,000 = 8,000 บาท) เสียภาษีในอัตรา 5%
- ภาษีที่ต้องชำระ: 8,000 x 5% = 400 บาท
ดังนั้น นาย ก. ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 และชำระภาษีจำนวน 400 บาท ภายในวันที่ 30 กันยายน 2568
กำหนดการและช่องทางการยื่นแบบ
การยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 มีกรอบเวลาที่ชัดเจนและมีช่องทางที่หลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี การทราบข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้สามารถดำเนินการได้ทันเวลาและถูกต้อง
กรอบเวลาสำคัญที่ต้องจำ
ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 จะต้องดำเนินการยื่นแบบและชำระภาษี (หากมี) ภายในช่วงเวลาต่อไปนี้:
- เริ่มยื่นได้ตั้งแต่วันที่: 1 กรกฎาคม ของปีภาษีนั้น
- วันสุดท้ายของการยื่น: 30 กันยายน ของปีภาษีนั้น
สำหรับผู้ที่เลือกยื่นแบบผ่านช่องทางออนไลน์ (E-filing) ของกรมสรรพากร โดยทั่วไปจะได้รับการขยายเวลาออกไปอีกประมาณ 8 วัน (สิ้นสุดประมาณวันที่ 8 ตุลาคม) อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบประกาศจากกรมสรรพากรในแต่ละปีเพื่อความถูกต้อง
ช่องทางในการยื่นแบบแสดงรายการ
กรมสรรพากรได้จัดเตรียมช่องทางการยื่นภาษีไว้ 2 รูปแบบหลัก:
ยื่นแบบกระดาษที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
เป็นวิธีการดั้งเดิม โดยผู้เสียภาษีสามารถไปขอรับแบบฟอร์ม ภ.ง.ด.94 ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งทั่วประเทศ จากนั้นกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและยื่นพร้อมชำระภาษี (หากมี) กับเจ้าหน้าที่โดยตรงภายในกำหนดเวลา
ยื่นภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว และสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ผู้เสียภาษีสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร เพื่อทำการลงทะเบียนและยื่นแบบผ่านระบบ E-filing ระบบจะช่วยคำนวณภาษีให้อัตโนมัติ ลดความผิดพลาด และสามารถชำระภาษีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้หลากหลาย เช่น บัตรเครดิต, QR Code, หรือ Internet Banking
ผลกระทบและบทลงโทษหากละเลยการยื่น ภ.ง.ด.94
การไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 หรือยื่นล่าช้ากว่ากำหนด ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลให้มีบทลงโทษตามมา ทั้งในรูปแบบของค่าปรับและเงินเพิ่ม
ค่าปรับอาญาและเงินเพิ่ม
- ค่าปรับกรณียื่นแบบล่าช้า: หากยื่นแบบเกินกำหนดเวลาแต่ไม่เกิน 7 วัน จะมีค่าปรับ 100 บาท แต่หากเกิน 7 วัน จะมีค่าปรับ 200 บาท และหากไม่ยื่นแบบเลย อาจมีโทษปรับทางอาญาสูงสุด 2,000 บาท
- เงินเพิ่ม: หากมีภาษีที่ต้องชำระแต่ไม่ได้ชำระภายในกำหนด จะต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เศษของเดือนนับเป็นหนึ่งเดือน) ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ โดยคำนวณตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดจนถึงวันที่ชำระภาษีครบถ้วน
ความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบ
ในปัจจุบัน กรมสรรพากรมีระบบเทคโนโลยีในการตรวจสอบข้อมูลรายได้ของบุคคลจากแหล่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การละเลยการยื่นภาษีอาจทำให้ถูกตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งจะนำไปสู่ภาระภาษีที่สูงขึ้นจากทั้งเงินเพิ่มและเบี้ยปรับสะสม
สรุปและการวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสรุปแล้ว ภ.ง.ด.94 คืออะไร? ใครต้องยื่นภาษีครึ่งปี (ใกล้หมดเขต!) นั้น คำตอบคือ ภ.ง.ด.94 เป็นหน้าที่ทางภาษีที่สำคัญสำหรับบุคคลธรรมดาที่มีเงินได้นอกเหนือจากเงินเดือนประจำตามมาตรา 40(5) ถึง 40(8) เช่น กลุ่มฟรีแลนซ์, ผู้ค้าออนไลน์, ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว และผู้ให้เช่าทรัพย์สิน หากมีรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกเกินเกณฑ์ที่กำหนด การยื่นภาษีครึ่งปีไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษ แต่ยังเป็นเครื่องมือในการวางแผนทางการเงินที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถประเมินและทยอยชำระภาระภาษีได้ แทนที่จะต้องชำระเป็นเงินก้อนใหญ่เมื่อสิ้นปี
การเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ โดยการรวบรวมเอกสารรายรับ-รายจ่าย และศึกษาเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนที่สามารถใช้สิทธิ์ได้ จะช่วยให้กระบวนการยื่นภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นและถูกต้อง เมื่อใกล้ถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 30 กันยายน การใช้ช่องทางยื่นภาษีออนไลน์ของกรมสรรพากร ถือเป็นทางเลือกที่สะดวกและมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงเป็นสิ่งที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีทุกคนควรให้ความสำคัญและดำเนินการให้เรียบร้อยเพื่อการบริหารจัดการภาษีที่ดี