งบประมาณ 2569 ผ่านแล้ว! กระทรวงไหนได้เงินมากที่สุด?
ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการแล้ว โดยกำหนดวงเงินรวมกว่า 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและทิศทางการพัฒนาประเทศตลอดทั้งปี การจัดสรรงบประมาณครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงลำดับความสำคัญของรัฐบาลในด้านต่างๆ ตั้งแต่เศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงความมั่นคง
- วงเงินงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2569 มีมูลค่ารวม 3.78 ล้านล้านบาท
- กระทรวงการคลังเป็นกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุด ด้วยวงเงิน 397,856 ล้านบาท
- “งบกลาง” ยังคงเป็นรายการที่ได้รับงบประมาณมากที่สุดโดยรวมที่ 632,968 ล้านบาท แต่มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนหน้า
- กระทรวงส่วนใหญ่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงการมุ่งเน้นการลงทุนในหลายมิติ เช่น การศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน
การพิจารณาคำถามที่ว่า งบประมาณ 2569 ผ่านแล้ว! กระทรวงไหนได้เงินมากที่สุด? ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการทำความเข้าใจทิศทางการบริหารประเทศ การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งมีวงเงินสูงถึง 3.78 ล้านล้านบาท ไม่ใช่เป็นเพียงตัวเลขในเอกสาร แต่คือแผนการทางการเงินของประเทศที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน งบประมาณก้อนนี้จะถูกกระจายไปยังหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินโครงการตามนโยบายที่วางไว้ ตั้งแต่การสร้างถนนหนทาง การพัฒนาระบบการศึกษา การยกระดับบริการสาธารณสุข ไปจนถึงการดูแลความมั่นคงของชาติ การวิเคราะห์รายละเอียดการจัดสรรงบประมาณจึงช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับประเด็นใดเป็นพิเศษในปีที่จะมาถึง
ภาพรวมงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2569
พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี ถือเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยกระบวนการเริ่มต้นจากการที่คณะรัฐมนตรีจัดทำร่าง พ.ร.บ. เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนจะส่งต่อไปยังวุฒิสภา และนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป สำหรับปีงบประมาณ 2569 ซึ่งเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 และสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2569 นั้น ได้กำหนดกรอบวงเงินไว้ที่ 3.78 ล้านล้านบาท
ความสำคัญของงบประมาณแผ่นดินอยู่ที่การเป็นเครื่องมือกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะสั้นและระยะยาว งบประมาณที่จัดสรรให้กับแต่ละกระทรวงหรือหน่วยงานสะท้อนถึงนโยบายเร่งด่วนและลำดับความสำคัญของรัฐบาลในขณะนั้น เช่น หากงบประมาณส่วนใหญ่ถูกจัดสรรไปยังกระทรวงคมนาคม ก็อาจหมายถึงการมุ่งเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง หรือหากกระทรวงสาธารณสุขได้รับงบเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจเป็นการตอบสนองต่อสถานการณ์ด้านสุขภาพของประชาชน ดังนั้น การติดตามและทำความเข้าใจโครงสร้างงบประมาณจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจที่ต้องวางแผนการลงทุน หรือภาคประชาชนที่ต้องการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
เจาะลึก 10 อันดับหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณสูงสุด
เพื่อตอบคำถามที่ว่า งบประมาณ 2569 ผ่านแล้ว! กระทรวงไหนได้เงินมากที่สุด? การพิจารณาข้อมูลการจัดสรรงบประมาณ 10 อันดับแรกจะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยข้อมูลแสดงให้เห็นถึงการกระจายตัวของงบประมาณไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งในรูปแบบของงบกลางและงบประมาณรายกระทรวง ซึ่งแต่ละส่วนมีวัตถุประสงค์และหน้าที่แตกต่างกันไป
อันดับ | หน่วยงาน/กระทรวง | วงเงินงบประมาณ (ล้านบาท) | การเปลี่ยนแปลงจากปี 2568 (ล้านบาท) |
---|---|---|---|
1 | งบกลาง | 632,968 | ลดลง 209,032 |
2 | กระทรวงการคลัง | 397,856 | เพิ่มขึ้น 8,197 |
3 | กระทรวงศึกษาธิการ | 355,108 | เพิ่มขึ้น 14,333 |
4 | กระทรวงมหาดไทย | 301,265 | เพิ่มขึ้น 6,852 |
5 | กระทรวงกลาโหม | 204,434 | เพิ่มขึ้น 4,713 |
6 | กระทรวงคมนาคม | 200,756 | เพิ่มขึ้น 7,403 |
7 | กระทรวงสาธารณสุข | 177,639 | เพิ่มขึ้น 5,673 |
8 | กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) | 140,300 | เพิ่มขึ้น 8,058 |
9 | กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | 130,111 | เพิ่มขึ้น 7,483 |
10 | กระทรวงแรงงาน | 68,069 | เพิ่มขึ้นเล็กน้อย |
วิเคราะห์ “งบกลาง”: งบประมาณก้อนใหญ่เพื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
แม้ “งบกลาง” จะได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุดที่ 632,968 ล้านบาท แต่สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ งบกลางไม่ใช่หน่วยงานหรือกระทรวง แต่เป็นงบประมาณที่สำรองไว้สำหรับรายจ่ายที่ไม่ได้กำหนดไว้ในส่วนของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งโดยเฉพาะ หรือสำหรับกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน ตัวอย่างการใช้งบกลาง เช่น เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน, เงินช่วยเหลือข้าราชการ, ค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ของรัฐบาล, และงบประมาณสำหรับโครงการพิเศษต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาล
การที่งบกลางในปี 2569 ลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 209,032 ล้านบาท อาจเป็นสัญญาณที่สะท้อนว่าสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น การรับมือกับโรคระบาดหรือวิกฤตเศรษฐกิจ อาจมีแนวโน้มคลี่คลายลง ทำให้รัฐบาลสามารถโยกย้ายงบประมาณไปสู่การลงทุนเชิงรุกผ่านกระทรวงต่างๆ ได้มากขึ้น แทนที่จะตั้งสำรองไว้เพื่อรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก
กระทรวงการคลัง: แชมป์งบประมาณระดับกระทรวง
หากพิจารณาเฉพาะหน่วยงานระดับกระทรวง จะพบว่า กระทรวงการคลัง คือหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยวงเงิน 397,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8,197 ล้านบาท ภารกิจหลักของกระทรวงการคลังครอบคลุมการบริหารจัดการการเงินการคลังของประเทศ ตั้งแต่การจัดเก็บรายได้ (ภาษีอากร) การบริหารหนี้สาธารณะ การดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน และการดำเนินนโยบายการคลังเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
งบประมาณที่เพิ่มขึ้นของกระทรวงการคลังอาจถูกนำไปใช้ในหลายส่วน เช่น การชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยของรัฐบาล, การสนับสนุนสถาบันการเงินของรัฐในการปล่อยสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ, การดำเนินโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ, และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีและบริการภาครัฐ การที่กระทรวงการคลังได้รับงบประมาณสูงที่สุดสะท้อนถึงบทบาทสำคัญในการเป็นหัวใจหลักทางการเงินของประเทศ
กระทรวงศึกษาธิการ: ทุ่มงบพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
กระทรวงศึกษาธิการตามมาเป็นอันดับสองด้วยงบประมาณ 355,108 ล้านบาท และเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 14,333 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในกลุ่ม 10 อันดับแรก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศในระยะยาว
งบประมาณส่วนนี้จะถูกนำไปใช้ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาในทุกระดับ ตั้งแต่การศึกษาขั้นพื้นฐานไปจนถึงอาชีวศึกษา ครอบคลุมถึงการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา การปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัย การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาผ่านโครงการต่างๆ เช่น ทุนการศึกษาและอาหารกลางวัน รวมถึงการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต การลงทุนในการศึกษาถือเป็นการสร้างอนาคตของชาติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก
กระทรวงมหาดไทย: กลไกหลักขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่น
ในอันดับที่สามคือ กระทรวงมหาดไทย ด้วยงบประมาณ 301,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,852 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทยมีบทบาทสำคัญในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชนทั่วประเทศ โดยทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการบริหารราชการส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับพื้นที่
การจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงมหาดไทยในระดับสูง แสดงถึงการให้ความสำคัญกับการกระจายการพัฒนาไปสู่ท้องถิ่น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกภูมิภาค
งบประมาณดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานในสังกัด เช่น กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อนำไปใช้ในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่น (เช่น ถนน แหล่งน้ำ) การส่งเสริมอาชีพ การจัดการภัยพิบัติ และการสนับสนุนการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวิเคราะห์กลุ่มกระทรวงที่น่าจับตามอง
นอกเหนือจาก 3 อันดับแรกแล้ว การพิจารณางบประมาณในภาพรวมของกลุ่มกระทรวงที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องกัน ยังช่วยให้เห็นทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
กลุ่มความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน
กระทรวงกลาโหม ได้รับงบประมาณ 204,434 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4,713 ล้านบาท) และ กระทรวงคมนาคม ได้รับ 200,756 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7,403 ล้านบาท) ซึ่งทั้งสองกระทรวงมีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ งบประมาณของกระทรวงกลาโหมจะถูกใช้ในการพัฒนากองทัพให้มีความพร้อมในการป้องกันประเทศ การจัดหายุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย และการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชน ขณะที่งบประมาณของกระทรวงคมนาคมจะถูกใช้ในการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ เช่น การขยายโครงข่ายรถไฟฟ้า การสร้างถนนมอเตอร์เวย์ และการพัฒนาระบบรางทั่วประเทศ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
กลุ่มสังคมและคุณภาพชีวิต
กลุ่มกระทรวงที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพชีวิตของประชาชนก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงสาธารณสุข (177,639 ล้านบาท) เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการรับมือกับโรคอุบัติใหม่, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) (140,300 ล้านบาท) เพื่อขับเคลื่อนการวิจัยและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (130,111 ล้านบาท) เพื่อดูแลภาคการเกษตรซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ และ กระทรวงแรงงาน (68,069 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาทักษะฝีมือและดูแลสวัสดิภาพของแรงงานในระบบ การเพิ่มขึ้นของงบประมาณในกลุ่มนี้สะท้อนถึงการมุ่งสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการดูแลสังคม
ประเด็นสำคัญและข้อสังเกตจาก พ.ร.บ. งบประมาณ 2569
จากการวิเคราะห์โครงสร้างงบประมาณปี 2569 พบประเด็นที่น่าสนใจหลายประการ ประการแรกคือ การเพิ่มขึ้นของงบประมาณในเกือบทุกกระทรวงหลัก ควบคู่ไปกับการลดลงของงบกลาง ซึ่งอาจตีความได้ว่ารัฐบาลกำลังเปลี่ยนผ่านจากโหมดการตั้งรับสถานการณ์วิกฤต ไปสู่โหมดการลงทุนเชิงรุกเพื่อการเติบโตในระยะยาว โดยมอบหมายภารกิจและงบประมาณให้กระทรวงต่างๆ เป็นผู้ดำเนินการหลัก
ประการที่สองคือ การปรากฏรายการ “งบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง” ในปี 2569 ซึ่งไม่ปรากฏในปีก่อนหน้า รายการนี้มีความสำคัญในเชิงการบริหารการคลัง เนื่องจากเป็นการตั้งงบประมาณเพื่อนำเงินไปคืนคลังสำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายล่วงหน้าไปก่อน ซึ่งแสดงถึงความพยายามในการรักษาวินัยทางการคลังและบริหารจัดการกระแสเงินสดของภาครัฐให้มีความโปร่งใส
บทสรุปและทิศทางประเทศไทยในปีงบประมาณ 2569
โดยสรุปแล้ว แม้ “งบกลาง” จะเป็นรายการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณมากที่สุด แต่หากพิจารณาในระดับกระทรวง คำตอบของคำถามที่ว่า “งบประมาณ 2569 ผ่านแล้ว! กระทรวงไหนได้เงินมากที่สุด?” คือ กระทรวงการคลัง ตามมาด้วยกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งการจัดลำดับดังกล่าวได้ฉายภาพทิศทางและลำดับความสำคัญของประเทศในปีงบประมาณ 2569 ไว้อย่างชัดเจน
ทิศทางหลักมุ่งเน้นไปที่การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการคลัง ควบคู่ไปกับการลงทุนครั้งใหญ่ในทรัพยากรมนุษย์ผ่านระบบการศึกษา และการกระจายการพัฒนาลงไปสู่ระดับท้องถิ่นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ การเพิ่มงบประมาณให้กับกระทรวงด้านโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณสุข และการเกษตร ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงความพยายามในการพัฒนาประเทศอย่างรอบด้าน
อย่างไรก็ตาม งบประมาณเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความสำเร็จที่แท้จริงขึ้นอยู่กับการนำงบประมาณไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ การติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐจึงเป็นหน้าที่สำคัญของภาคประชาชนและสื่อมวลชน เพื่อให้มั่นใจว่าเม็ดเงินภาษีทุกบาทถูกใช้อย่างคุ้มค่าและนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายที่วางไว้