ส่องรันเวย์มิลาน! 5 เทรนด์แฟชั่นเด่นรับ Spring/Summer 2026

สารบัญ

เวทีแฟชั่นระดับโลกอย่าง Milan Fashion Week ได้ปิดฉากลงอย่างงดงาม พร้อมทิ้งทวนเทรนด์ใหม่ๆ ที่น่าจับตามองสำหรับฤดูกาล Spring/Summer 2026 บทความนี้จะทำการ ส่องรันเวย์มิลาน! 5 เทรนด์แฟชั่นเด่นรับ Spring/Summer 2026 ซึ่งเผยให้เห็นทิศทางของอุตสาหกรรมแฟชั่นที่กำลังจะมาถึง โดยเป็นการผสมผสานระหว่างงานฝีมือชั้นสูง ความกล้าที่จะทลายกรอบเดิมๆ และการหยิบยกเรื่องราวทางวัฒนธรรมมาตีความใหม่ได้อย่างน่าสนใจ

ไฮไลท์สำคัญจาก Milan Fashion Week SS26

คอลเลคชั่น Spring/Summer 2026 ที่นำเสนอในมิลานแฟชั่นวีคครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดของเหล่าดีไซเนอร์ โดยมีแนวโน้มที่น่าสนใจหลายประการซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นกระแสหลักในอนาคตอันใกล้

  • งานฝีมือสุดหรู: เทรนด์การปักลวดลายเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าและรายละเอียดอันซับซ้อนให้กับเสื้อผ้า ทำให้เครื่องแต่งกายดูหรูหราและมีมิติมากยิ่งขึ้น
  • การทลายกำแพงทางเพศ: การนำวัสดุที่เคยถูกจำกัดอยู่ในแฟชั่นสตรีอย่างผ้าลูกไม้และโครเชต์ มาใช้ในคอลเลคชั่นเสื้อผ้าบุรุษอย่างแพร่หลาย ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
  • การกลับมาของลายพิมพ์: ลวดลายพิมพ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ลายดอกไม้ไปจนถึงลายกราฟิกและลายสัตว์ กลับมาครองรันเวย์อีกครั้ง พร้อมเทคนิคการผสมผสานที่สนุกสนานและท้าทาย
  • สีสันที่สื่อถึงอารมณ์: การใช้สีสันที่โดดเด่นกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร โดยมีทั้งโทนสีสดใสที่สร้างความมีชีวิตชีวา และโทนสีพาสเทลที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและโรแมนติก
  • แรงบันดาลใจจากเรื่องราว: ดีไซเนอร์หลายแบรนด์หันมาหยิบยกแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรม ความทรงจำ และประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์คอลเลคชั่นที่มีเรื่องราวและความหมายลึกซึ้ง

เจาะลึก 5 เทรนด์หลักบนรันเวย์มิลาน

Milan Fashion Week (MFW) สำหรับฤดูกาล Spring/Summer 2026 ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยมีแกนหลักอยู่ที่การผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ แต่ละแบรนด์ต่างนำเสนอเอกลักษณ์ของตนเองผ่านเทรนด์หลัก 5 ประการที่โดดเด่นและคาดว่าจะส่งอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นไปอีกนาน นี่คือการวิเคราะห์เชิงลึกของแต่ละเทรนด์ที่ปรากฏบนรันเวย์

1. ความหรูหราผ่านงานปักสุดประณีต (Embroideries)

หนึ่งในเทรนด์ที่ชัดเจนที่สุดบนรันเวย์ MFW SS26 คือการกลับมาของงานฝีมือชั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคการปักลวดลาย (Embroidery) ที่ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มรายละเอียดและความหรูหราให้กับเสื้อผ้าในหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ลุคประจำวันไปจนถึงชุดราตรีสุดอลังการ ดีไซเนอร์ได้แสดงให้เห็นว่างานปักไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิมอีกต่อไป แต่สามารถปรับใช้กับแฟชั่นร่วมสมัยได้อย่างลงตัว

แบรนด์ Dolce & Gabbana เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำเทคนิคนี้มาใช้อย่างสร้างสรรค์ โดยได้นำเสนองานปักบนชุดสูทที่มีซิลูเอตคล้ายชุดนอน สร้างคอนทราสต์ที่น่าสนใจระหว่างความผ่อนคลายของรูปทรงกับความหรูหราของลวดลาย ในขณะที่แบรนด์ Bluemarble เลือกใช้การปักมุกเพื่อสร้างเท็กซ์เจอร์และเพิ่มความแวววาวให้กับเสื้อผ้า ทำให้เกิดมิติที่น่ามองเมื่อกระทบกับแสงไฟ ส่วนแบรนด์สตรีทแวร์อย่าง Doublet ก็นำเสนอมุมมองที่สนุกสนานและคาดไม่ถึง ด้วยการใช้ลายปักในธีมปลาและขวดพลาสติกบนเสื้อไหมพรม ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงถึงทักษะงานฝีมือ แต่ยังแฝงนัยยะเกี่ยวกับการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

การปักลวดลายในฤดูกาลนี้ไม่ใช่แค่การตกแต่ง แต่คือการบอกเล่าเรื่องราวและแสดงออกถึงคุณค่าของงานฝีมือที่ต้องใช้เวลาและความประณีตในการสร้างสรรค์

2. ลูกไม้และโครเชต์: นิยามใหม่ของแฟชั่นบุรุษ

2. ลูกไม้และโครเชต์: นิยามใหม่ของแฟชั่นบุรุษ

ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจและสะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมครั้งสำคัญคือการขยายตัวของการใช้วัสดุอย่างผ้าลูกไม้และงานถักโครเชต์จากแฟชั่นสตรีมาสู่แฟชั่นบุรุษอย่างเต็มรูปแบบ เทรนด์นี้ทลายกรอบความคิดเดิมๆ ที่เชื่อมโยงวัสดุเหล่านี้เข้ากับความเป็นผู้หญิง และเปิดโอกาสให้ผู้ชายได้แสดงออกถึงความอ่อนโยนและโรแมนติกผ่านเครื่องแต่งกายมากขึ้น

แบรนด์ Egonlab เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเทรนด์นี้ โดยนำเสนอคอลเลคชั่นที่นำผ้าลูกไม้มาตีความใหม่ในสไตล์ “ทะเลโจรสลัด” ที่ผสมผสานความละเอียดอ่อนและความแข็งแกร่งเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว การใช้ผ้าลูกไม้บนเสื้อเชิ้ต กางเกง หรือแม้กระทั่งเป็นดีเทลตกแต่งบนแจ็คเก็ต แสดงให้เห็นว่าวัสดุนี้สามารถปรับเปลี่ยนบริบทให้ดูเท่และร่วมสมัยได้ เทรนด์นี้ไม่เพียงแค่เป็นการทดลองกับวัสดุใหม่ๆ แต่ยังเป็นการตั้งคำถามต่อบรรทัดฐานทางเพศในโลกแฟชั่น และส่งเสริมแนวคิดเรื่องความลื่นไหลทางเพศ (Gender Fluidity) ที่กำลังเป็นที่ยอมรับในสังคมวงกว้าง

3. พลังแห่งลายพิมพ์: ความโดดเด่นที่ต้องจับตา

ลายพิมพ์ (Prints) ได้กลับมาทวงบัลลังก์ความนิยมบนรันเวย์มิลานอย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล Spring/Summer 2026 ดีไซเนอร์ต่างหยิบยกลวดลายที่หลากหลายมาสร้างสรรค์ลุคที่โดดเด่นและเต็มไปด้วยพลัง ตั้งแต่ลายพิมพ์ดอกไม้สุดคลาสสิกที่ถูกตีความใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น, ลายสัตว์ที่ยังคงความดุดันและน่าค้นหา, ไปจนถึงลายกราฟิกนามธรรมที่สะท้อนถึงยุคดิจิทัล

เราได้เห็นการใช้ลายพิมพ์บนเสื้อผ้าหลากรูปแบบ เช่น เสื้อผ้าขนเฟอร์ปลอมพิมพ์ลายของ Kenzo ที่สร้างความโดดเด่นและสนุกสนาน หรือชุดสูทพิมพ์ลายทั้งตัวจาก Louis Vuitton และ Dolce & Gabbana ที่ท้าทายความเรียบง่ายและนำเสนอสไตล์ที่จัดจ้านยิ่งขึ้น สิ่งที่น่าสนใจคือแนวทางการผสมผสานลวดลายที่แตกต่างกันในลุคเดียว (Print-on-Print) ซึ่งแม้จะดูเสี่ยง แต่เมื่อทำอย่างมีชั้นเชิงกลับสร้างสไตล์ที่ดูสนุกสนาน มีชีวิตชีวา แต่ยังคงความทันสมัยและลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ เทรนด์นี้บ่งบอกถึงความกล้าที่จะแสดงออกถึงตัวตนและความมั่นใจที่ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เดิมๆ

4. พาเลตต์สีแห่งฤดูกาล: สดใสปะทะพาสเทล

สีสันเป็นองค์ประกอบสำคัญที่กำหนดอารมณ์ของคอลเลคชั่น Spring/Summer 2026 และในฤดูกาลนี้ รันเวย์มิลานเต็มไปด้วยการใช้สีที่หลากหลายและน่าสนใจ โดยแบ่งออกเป็นสองขั้วหลักที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

โทนสีสดใส (Vibrant Tones): สีสันที่จัดจ้านและดึงดูดสายตาถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเพื่อสร้างความรู้สึกสดชื่นและมีพลัง ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวแอปเปิ้ล (Apple Green) ที่ให้ความรู้สึกสดใหม่ หรือสีชมพูหวาน (Sweet Pink) ที่ดูสนุกสนานและร่าเริง สีเหล่านี้มักถูกนำมาใช้ในรูปแบบของ Total Look หรือเป็นสีหลักของเครื่องแต่งกาย เพื่อสร้างความโดดเด่นและบ่งบอกถึงความมั่นใจ

โทนสีพาสเทล (Pastel Hues): ในทางกลับกัน โทนสีพาสเทลที่นุ่มนวลและอ่อนหวานก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง สีอย่างลาเวนเดอร์, พีช, และฟ้าอ่อน ปรากฏบนรันเวย์ของหลายแบรนด์ เช่น Jacquemus ที่นำเสนอคอลเลคชั่นที่ได้แรงบันดาลใจจากบรรยากาศฤดูร้อนในแคว้นโพรวองซ์ โดยใช้โทนสีที่ดูฟุ้งฝันและโรแมนติก นอกจากนี้ สีม่วงในเฉดต่างๆ ตั้งแต่สีพลัมเข้มไปจนถึงสีไลแลคอ่อน ก็กลายเป็นอีกหนึ่งสีสำคัญที่ได้รับความนิยมทั้งในแฟชั่นสตรีและบุรุษ สะท้อนถึงอารมณ์ที่ลึกซึ้งและความเป็นตัวของตัวเอง

5. แฟชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยวัฒนธรรมและความทรงจำ

นอกเหนือจากเทคนิคและสีสันแล้ว อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจคือการที่เหล่าดีไซเนอร์หันมาใช้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวส่วนตัว วัฒนธรรม หรือประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์คอลเลคชั่นที่มีความหมายและเชื่อมโยงกับผู้คนในระดับที่ลึกซึ้งกว่าเดิม แฟชั่นในฤดูกาลนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เสื้อผ้า แต่เป็นสื่อกลางในการบอกเล่าเรื่องราวและถ่ายทอดมุมมอง

ดีไซเนอร์ระดับตำนานอย่าง Paul Smith ได้นำเสนอคอลเลคชั่น Spring/Summer 2026 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเก่าที่เกี่ยวกับตลาดในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ บรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีสันที่หลากหลายและพลังงานอันแปลกใหม่ของตลาดได้ถูกถ่ายทอดลงบนเสื้อผ้าผ่านการใช้สีสันที่สดใสและมีชีวิตชีวา รวมถึงการเลือกใช้ผ้าและการออกแบบซิลูเอตที่สะท้อนถึงกลิ่นอายของวัฒนธรรมตะวันออกกลาง แนวทางนี้แสดงให้เห็นว่าแฟชั่นสามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่างวัฒนธรรมและกาลเวลา สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีความหมายและน่าจดจำ

ตารางสรุป 5 เทรนด์แฟชั่นเด่นจาก Milan Fashion Week Spring/Summer 2026
เทรนด์ (Trend) ลักษณะเด่น (Key Feature) ตัวอย่างจากรันเวย์ (Runway Example)
งานปักสุดประณีต การใช้เทคนิคการปักเพื่อเพิ่มความหรูหราและรายละเอียดให้กับเสื้อผ้าสไตล์โมเดิร์น ชุดสูทปักลายของ Dolce & Gabbana, การปักมุกของ Bluemarble
ลูกไม้และโครเชต์ในแฟชั่นบุรุษ การนำวัสดุที่เคยจำกัดในแฟชั่นสตรีมาใช้ในเสื้อผ้าผู้ชาย เพื่อทลายกรอบทางเพศ ลุคสไตล์โจรสลัดที่ใช้ลูกไม้ของ Egonlab
พลังแห่งลายพิมพ์ การกลับมาของลายพิมพ์ที่หลากหลาย เช่น ลายดอกไม้ ลายสัตว์ และกราฟิก เฟอร์ปลอมพิมพ์ลายของ Kenzo, ชุดสูทพิมพ์ลายของ Louis Vuitton
พาเลตต์สีแห่งฤดูกาล การใช้สีสดใส (เขียวแอปเปิ้ล, ชมพู) ควบคู่ไปกับสีพาสเทล (ลาเวนเดอร์, พีช) คอลเลคชั่นสีฟุ้งๆ ของ Jacquemus, เทรนด์สีม่วงในหลายเฉด
แฟชั่นที่ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรม การนำเรื่องราวทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือความทรงจำมาเป็นแกนหลักในการออกแบบ คอลเลคชั่นที่ได้แรงบันดาลใจจากตลาดในไคโรของ Paul Smith

สรุปภาพรวมเทรนด์แฟชั่น SS26 จากมิลาน

โดยรวมแล้ว รันเวย์ของ Milan Fashion Week Spring/Summer 2026 ได้นำเสนอภาพของอุตสาหกรรมแฟชั่นที่กำลังก้าวไปสู่ยุคใหม่ที่มีความหลากหลายและเปิดกว้างมากขึ้น เทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาไม่ได้มองหาแค่เสื้อผ้าที่สวยงาม แต่ยังมองหาเสื้อผ้าที่สามารถแสดงออกถึงตัวตน มีเรื่องราว และผลิตขึ้นด้วยความใส่ใจในรายละเอียดและงานฝีมือ

ความโดดเด่นของงานปัก, ความกล้าในการใช้ลูกไม้กับแฟชั่นบุรุษ, ความสนุกสนานของลายพิมพ์, การใช้สีสันที่สื่อถึงอารมณ์ และการหยิบยกแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรม ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างคอลเลคชั่นที่น่าสนใจและยกระดับความหรูหราให้กับเสื้อผ้าที่เหมาะกับฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

อนาคตของเทรนด์แฟชั่น Spring/Summer 2026

หลังจากได้ ส่องรันเวย์มิลาน! 5 เทรนด์แฟชั่นเด่นรับ Spring/Summer 2026 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่าทิศทางของแฟชั่นในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่การผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดและคุณค่าของงานฝีมือแบบดั้งเดิม เทรนด์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะปรากฏบนรันเวย์ระดับสูงเท่านั้น แต่ยังคาดว่าจะส่งอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นในวงกว้าง ตั้งแต่แบรนด์สตรีทแวร์ไปจนถึงแฟชั่นในชีวิตประจำวัน การติดตามและทำความเข้าใจเทรนด์เหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจในโลกของแฟชั่น เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและปรับสไตล์ของตนเองให้ทันสมัยอยู่เสมอ