ดาราตกกระป๋อง! แบรนด์ดังใช้ AI เป็นพรีเซนเตอร์

สารบัญ

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรม และล่าสุดวงการสื่อและโฆษณาของไทยก็กำลังเผชิญกับคลื่นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อแนวคิดเรื่องการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ประเด็นสำคัญที่น่าจับตามอง

  • การเปิดตัวพรีเซนเตอร์ AI: การเกิดขึ้นของผู้ประกาศข่าวและพรีเซนเตอร์ที่สร้างจาก AI ในประเทศไทย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของวงการสื่อและโฆษณาอย่างมีนัยสำคัญ
  • กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลรูปแบบใหม่: แบรนด์ชั้นนำเริ่มหันมาทดลองใช้ Virtual Influencer เพื่อสร้างสรรค์แคมเปญที่โดดเด่น แปลกใหม่ และสามารถเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • บทบาทของดาราและคนดัง: แม้ว่าเทรนด์พรีเซนเตอร์ AI จะมาแรง แต่บทบาทของดาราและผู้มีอิทธิพลที่เป็นมนุษย์ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความผูกพันทางอารมณ์และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
  • อนาคตคือการผสมผสาน: ทิศทางของวงการโฆษณาในอนาคตอาจไม่ใช่การแทนที่มนุษย์โดยสมบูรณ์ แต่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์กับประสิทธิภาพของเทคโนโลยี AI เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดียิ่งขึ้น

บทนำสู่ยุคใหม่ของวงการโฆษณาไทย

ประเด็น ดาราตกกระป๋อง! แบรนด์ดังใช้ AI เป็นพรีเซนเตอร์ ได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจอย่างยิ่งในแวดวงการตลาดและบันเทิงของไทย การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงจินตนาการอีกต่อไป แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อสถานีโทรทัศน์และแบรนด์สินค้าบางแห่งเริ่มนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้สร้างผู้ประกาศข่าวและพรีเซนเตอร์เสมือนจริง สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในกลยุทธ์การสื่อสาร ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมและความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในยุคดิจิทัล

ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI ทั่วโลก ทำให้การสร้างตัวตนดิจิทัลที่มีความสมจริงทั้งรูปลักษณ์และเสียงกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น แบรนด์ต่างๆ จึงเล็งเห็นโอกาสในการใช้พรีเซนเตอร์ AI เพื่อควบคุมภาพลักษณ์ได้อย่างสมบูรณ์ ลดความเสี่ยงจากปัจจัยส่วนบุคคล และสร้างความแปลกใหม่ให้กับแคมเปญโฆษณา อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังก่อให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของอาชีพดารา นักแสดง และอินฟลูเอนเซอร์ ว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด และจะต้องปรับตัวอย่างไรเพื่อให้อยู่รอดในสมรภูมิที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ปรากฏการณ์พรีเซนเตอร์ AI: คลื่นลูกใหม่สะเทือนวงการ

ปรากฏการณ์พรีเซนเตอร์ AI: คลื่นลูกใหม่สะเทือนวงการ

การนำ AI มาใช้ในบทบาทที่เคยจำกัดอยู่แค่เพียงมนุษย์นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การนำมาใช้ในฐานะ “พรีเซนเตอร์” หรือ “ผู้ประกาศข่าว” ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องสื่อสารกับสาธารณชนโดยตรง ถือเป็นก้าวที่ท้าทายและน่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับวงการโฆษณาไทย

นิยามของ Virtual Influencer และพรีเซนเตอร์ AI

Virtual Influencer หรือผู้มีอิทธิพลเสมือนจริง คือ บุคคลที่ถูกสร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์กราฟิก (CGI) หรือปัญญาประดิษฐ์ มีตัวตน บุคลิก และเรื่องราวเป็นของตัวเองบนโลกโซเชียลมีเดีย พวกเขาสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตาม โปรโมตสินค้า และสร้างรายได้เช่นเดียวกับอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นมนุษย์ ในขณะที่ พรีเซนเตอร์ AI มีความหมายกว้างกว่า โดยอาจหมายถึงตัวตนดิจิทัลที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของแบรนด์หรือองค์กรโดยเฉพาะ มีหน้าที่นำเสนอข้อมูล ข่าวสาร หรือเป็นภาพลักษณ์หลักของแคมเปญการตลาด ซึ่งอาจไม่มีเรื่องราวส่วนตัวที่ซับซ้อนเท่า Virtual Influencer แต่เน้นการทำงานตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน

การมาถึงของผู้ประกาศข่าว AI คนแรกของไทย

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้กระแสพรีเซนเตอร์ AI ในไทยถูกพูดถึงในวงกว้างคือ การเปิดตัว “ณัชชา” ผู้ประกาศข่าว AI คนแรกของประเทศไทยโดยสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ในเดือนเมษายน ปี 2024 ณัชชามีรูปลักษณ์และน้ำเสียงที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ ได้รับมอบหมายให้อ่านข่าวการเมือง ซึ่งเป็นเนื้อหาที่มีความจริงจังและต้องการความน่าเชื่อถือสูง

เป้าหมายของการนำผู้ประกาศข่าว AI มาใช้ ไม่ใช่เพื่อทดแทนผู้สื่อข่าวที่เป็นมนุษย์ แต่เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยสนับสนุนทีมบรรณาธิการ ทำให้ผู้สื่อข่าวสามารถทุ่มเทเวลาไปกับการลงพื้นที่หาข้อมูลและตรวจสอบข้อเท็จจริงได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้ประกาศข่าว AI เหล่านี้ยังทำหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับสถานีอีกด้วย

นอกเหนือจากณัชชาแล้ว ยังมีการประกาศเปิดตัว “นิชฌาน” ผู้ประกาศข่าว AI อีกหนึ่งคนในเวลาต่อมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้อย่างจริงจัง การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงสร้างความฮือฮา แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าวงการสื่อไทยพร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เทคโนโลยีและมนุษย์ต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

บริบทในระดับภูมิภาคเอเชีย

ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกในเอเชียที่นำเทคโนโลยีผู้ประกาศข่าว AI มาใช้งาน อันที่จริงแล้ว เทรนด์นี้ได้เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วในหลายประเทศ โดยมีสำนักข่าวซินหัวของประเทศจีนเป็นผู้บุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2018 ตามมาด้วยประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย บังกลาเทศ และปากีสถาน ซึ่งต่างก็มีการพัฒนาและเปิดตัวผู้ประกาศข่าว AI ของตนเอง การปรับใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในวงกว้างทั่วทั้งทวีปเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสื่อสารมวลชน ที่มุ่งแสวงหาประสิทธิภาพและความทันสมัยในการนำเสนอข่าวสารสู่สาธารณะ

กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล: เหตุผลที่แบรนด์เลือกใช้ AI

ในโลกของการตลาดที่การแข่งขันสูง การสร้างความแตกต่างและดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคคือหัวใจสำคัญ การนำพรีเซนเตอร์ AI มาใช้จึงกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับแบรนด์ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล

การสร้างแคมเปญที่แตกต่างและเข้าถึงคนรุ่นใหม่

การใช้พรีเซนเตอร์ AI เปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถสร้างสรรค์แคมเปญที่กล้าหาญและเหนือความคาดหมายได้มากกว่าการใช้พรีเซนเตอร์ที่เป็นมนุษย์ เนื่องจากสามารถควบคุมภาพลักษณ์และเนื้อหาการสื่อสารได้ 100% โดยไม่มีข้อจำกัดด้านอารมณ์ เวลา หรือความเสี่ยงจากพฤติกรรมส่วนตัว พรีเซนเตอร์ AI สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์หรือบุคลิกให้เข้ากับแต่ละแคมเปญได้อย่างง่ายดาย สิ่งนี้ทำให้แบรนด์สามารถส่งสารถึงผู้บริโภคได้อย่างสม่ำเสมอและตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านช่องทางการตลาดดิจิทัลที่ซึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ใช้เวลาอยู่เป็นส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม การใช้ดาราหรือคนดังที่มีชื่อเสียงยังคงเป็นกลยุทธ์หลักที่ทรงพลังในการสร้างการรับรู้และตำแหน่งของแบรนด์ในใจผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น การที่แบรนด์ AIS เลือกใช้ศิลปินระดับโลกอย่างลิซ่า จากวง Blackpink เป็นพรีเซนเตอร์ ก็สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างและตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้น การเกิดขึ้นของพรีเซนเตอร์ AI จึงไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของยุคดารา แต่เป็นการเพิ่มเครื่องมือทางการตลาดใหม่ๆ เข้ามาในกล่องเครื่องมือของนักการตลาด

เมื่อมนุษย์และ AI ทำงานร่วมกัน: กรณีศึกษาจากแบรนด์

ทิศทางที่น่าสนใจที่สุดอาจไม่ใช่การเลือกระหว่างมนุษย์กับ AI แต่เป็นการหาจุดลงตัวที่ทั้งสองสามารถทำงานร่วมกันได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือแคมเปญของแบรนด์ First Choice ที่ได้นักแสดงชื่อดังอย่าง พีพี กฤษฏ์ มานำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับโลกอนาคตที่ได้รับอิทธิพลจาก AI แคมเปญนี้ไม่ได้ใช้ AI มาแทนที่ดารา แต่ใช้ดาราเป็นผู้เล่าเรื่องและเชื่อมโยงแนวคิดเกี่ยวกับ AI เข้ากับผลิตภัณฑ์และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค วิธีการนี้เป็นการผสมผสานเสน่ห์และความสามารถในการสร้างความผูกพันทางอารมณ์ของมนุษย์ เข้ากับความล้ำสมัยและน่าตื่นเต้นของเทคโนโลยี AI ได้อย่างลงตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการทำงานร่วมกันสามารถสร้างผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งกว่าการเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย: พรีเซนเตอร์มนุษย์ vs. พรีเซนเตอร์ AI

การตัดสินใจเลือกระหว่างพรีเซนเตอร์ที่เป็นมนุษย์กับพรีเซนเตอร์ AI ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ กลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณ ซึ่งแต่ละรูปแบบต่างก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างพรีเซนเตอร์มนุษย์และพรีเซนเตอร์ AI ในมิติต่างๆ ทางการตลาด
คุณสมบัติ พรีเซนเตอร์มนุษย์ พรีเซนเตอร์ AI
การเชื่อมโยงทางอารมณ์ สูง สามารถสร้างความผูกพันและความรู้สึกร่วมกับผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง ผ่านการแสดงออกและเรื่องราวส่วนตัว ต่ำ ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่แท้จริงได้ การมีปฏิสัมพันธ์ยังคงเป็นไปตามโปรแกรมที่กำหนด
ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์ สูง อาจเกิดประเด็นขัดแย้งหรือข่าวฉาวส่วนตัว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ ต่ำมาก สามารถควบคุมพฤติกรรมและภาพลักษณ์ได้ 100% ไม่มีเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง
ความสม่ำเสมอของภาพลักษณ์ ปานกลาง ภาพลักษณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ความคิด หรือสถานการณ์ในชีวิต สูง สามารถคงภาพลักษณ์และบุคลิกที่แบรนด์ต้องการไว้ได้ตลอดไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอก
ต้นทุนและความยืดหยุ่น สูง มีค่าใช้จ่ายในการจ้างสูง มีข้อจำกัดด้านเวลาและตารางการทำงาน อาจมีต้นทุนเริ่มต้นในการพัฒนาสูง แต่ในระยะยาวมีความยืดหยุ่นสูง สามารถทำงานได้ตลอดเวลาและปรับเปลี่ยนได้ง่าย
การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เข้าถึงได้กว้าง โดยเฉพาะกลุ่มที่ติดตามดาราคนนั้นๆ สร้างความน่าเชื่อถือได้ง่าย โดดเด่นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างความแปลกใหม่และเป็นไวรัลได้ง่าย

อนาคตของอาชีพในวงการบันเทิง: ดาราต้องปรับตัวอย่างไร?

แม้ข้อมูลที่มีอยู่จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเทรนด์พรีเซนเตอร์ AI จะนำไปสู่ภาวะ “ดาราตกงาน” อย่างที่หลายคนกังวล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนในวงการต้องให้ความสำคัญและเตรียมพร้อมรับมือ

ความเสี่ยงและโอกาสของดารายุคดิจิทัล

ความเสี่ยงที่ชัดเจนที่สุดคือการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ดาราและอินฟลูเอนเซอร์ไม่เพียงต้องแข่งขันกันเอง แต่ยังต้องแข่งขันกับตัวตนเสมือนจริงที่ทำงานได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและไม่มีความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ในทุกความเสี่ยงย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่ จุดเด่นที่สุดของมนุษย์คือความสามารถในการสร้างสรรค์ ความรู้สึกนึกคิดที่ซับซ้อน และการสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ดาราและศิลปินที่สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า และสร้างชุมชนแฟนคลับที่แข็งแกร่ง จะยังคงมีความได้เปรียบและเป็นที่ต้องการของแบรนด์เสมอ

ทิศทางในอนาคต: การแทนที่หรือการทำงานร่วมกัน?

จากตัวอย่างของผู้ประกาศข่าว AI ที่เข้ามาเพื่อ “สนับสนุน” การทำงานของผู้สื่อข่าว และแคมเปญโฆษณาที่ใช้ดารามา “ทำงานร่วมกับ” แนวคิดเรื่อง AI ชี้ให้เห็นว่าทิศทางในอนาคตอันใกล้นี้ น่าจะเป็นการทำงานร่วมกันมากกว่าการแทนที่โดยสมบูรณ์ AI อาจเข้ามาทำหน้าที่ในส่วนที่เป็นงานซ้ำๆ หรือต้องการความแม่นยำสูง เช่น การนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ การตอบคำถามที่พบบ่อย หรือการเป็นพรีเซนเตอร์สำหรับแคมเปญเฉพาะกิจที่ต้องการความแปลกใหม่ ในขณะที่มนุษย์จะยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ กำหนดทิศทางความคิดสร้างสรรค์ และสร้างการสื่อสารที่เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน

อาชีพในวงการบันเทิงอาจต้องมีการปรับทักษะ โดยดาราและอินฟลูเอนเซอร์อาจต้องเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น เช่น การเป็นต้นแบบเสียงหรือใบหน้าให้กับ AI หรือการใช้เครื่องมือ AI ในการสร้างสรรค์ผลงานของตนเอง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

บทสรุป: ภูมิทัศน์ใหม่ของวงการโฆษณาไทย

การมาถึงของพรีเซนเตอร์ AI ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในวงการโฆษณาและการตลาดดิจิทัลของประเทศไทยอย่างแท้จริง แม้ว่าคำว่า “ดาราตกกระป๋อง” อาจเป็นการพาดหัวที่ดูรุนแรงเกินกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ก็สะท้อนถึงความกังวลและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นจริง ปัจจุบัน เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทดลองและปรับใช้ และยังไม่ถึงขั้นที่จะเข้ามาแทนที่บทบาทของดาราและคนดังได้อย่างสมบูรณ์

สิ่งที่ชัดเจนคือภูมิทัศน์ของวงการโฆษณากำลังเปลี่ยนแปลงไป แบรนด์มีทางเลือกในการสื่อสารมากขึ้น และผู้บริโภคกำลังจะได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ผสมผสานระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน อนาคตของวงการไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกระหว่างมนุษย์หรือ AI แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการนำจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายมาใช้ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการตลาด การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับทุกคนในอุตสาหกรรมที่จะต้องเรียนรู้ ปรับตัว และเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่เคยหยุดนิ่ง