อย. ไฟเขียว! ‘เนื้อจากแล็บ’ วางขายในไทยแล้ววันนี้
- ภาพรวมของข่าวสำคัญ
- เจาะลึก ‘เนื้อจากแล็บ’: นวัตกรรมพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหาร
- การอนุมัติโดย อย.: ก้าวประวัติศาสตร์ของวงการอาหารไทย
- เปรียบเทียบเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงกับเนื้อสัตว์จากฟาร์มแบบดั้งเดิม
- Cultured Meat ในบริบทโลกและเทรนด์อาหารแห่งอนาคต
- อนาคตและความท้าทายของเนื้อจากแล็บในประเทศไทย
- บทสรุป: การมาถึงของยุคใหม่แห่งโปรตีนทางเลือก
นับเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการอาหารและเทคโนโลยีของประเทศไทย เมื่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ประกาศรับรองความปลอดภัยและอนุญาตให้มีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ‘เนื้อจากแล็บ’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง’ (Cultured Meat) ทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่เปิดประตูสู่มิติใหม่ของการบริโภคโปรตีน และวางตำแหน่งประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารในภูมิภาค
ภาพรวมของข่าวสำคัญ
ประเด็นสำคัญจากการประกาศครั้งประวัติศาสตร์นี้สามารถสรุปได้ดังนี้:
- การรับรองอย่างเป็นทางการ: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติให้เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงจากเซลล์สามารถวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ทั่วประเทศไทย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2568 เป็นต้นไป
- นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน: เนื้อจากแล็บคือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่จำเป็นต้องผ่านการเลี้ยงและการฆ่าสัตว์แบบดั้งเดิม
- ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: เทคโนโลยีนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการใช้ทรัพยากรที่ดินและน้ำจำนวนมหาศาล
- สอดคล้องกับแนวโน้มโลก: การอนุมัติครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยเดินตามรอยประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีอาหารอย่างสหรัฐอเมริกา ที่มีการอนุญาตให้จำหน่ายเนื้อไก่สังเคราะห์ในร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตไปก่อนหน้านี้
- อาหารแห่งอนาคต: Cultured Meat ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในกลุ่ม “อาหารแห่งอนาคต” ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
การประกาศของ อย. ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีชีวภาพด้านอาหารอย่างเต็มตัว การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม ใกล้เคียงกับการจัดงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2025 ซึ่งเป็นเวทีแสดงสุดยอดนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญของภูมิภาค ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศในการผลักดันนวัตกรรมอาหารให้เกิดขึ้นจริง
เจาะลึก ‘เนื้อจากแล็บ’: นวัตกรรมพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหาร
สำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก คำว่า อย. ไฟเขียว! ‘เนื้อจากแล็บ’ วางขายในไทยแล้ววันนี้ อาจฟังดูเหมือนเรื่องราวในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่คือเทคโนโลยีที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามานานหลายปี จนกระทั่งมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงพอที่จะเข้าสู่กระบวนการผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ การทำความเข้าใจถึงที่มาและกระบวนการผลิตจะช่วยให้เห็นภาพความสำคัญของนวัตกรรมนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
คำจำกัดความและหลักการทำงานของ Cultured Meat
เนื้อจากแล็บ หรือ เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง (Cultured Meat หรือ Cell-based Meat) คือเนื้อสัตว์แท้ที่ผลิตขึ้นโดยการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์โดยตรงในสภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมอย่างดีภายในห้องปฏิบัติการหรือโรงงานผลิต แทนที่จะมาจากการเลี้ยงสัตว์ทั้งตัวในฟาร์มแล้วนำไปผ่านกระบวนการเชือด ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ได้จึงมีองค์ประกอบทางชีวภาพ โภชนาการ รสชาติ และเนื้อสัมผัสเหมือนกับเนื้อสัตว์ทั่วไปทุกประการ เพราะมันคือ “เนื้อสัตว์” จริงๆ ที่มาจากเซลล์ของสัตว์ชนิดนั้นๆ
หลักการพื้นฐานเบื้องหลังเทคโนโลยีนี้คือการเลียนแบบกระบวนการซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกายของสิ่งมีชีวิต โดยนักวิทยาศาสตร์จะคัดเลือกเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) หรือเซลล์กล้ามเนื้อที่มีคุณภาพดีที่สุดจากสัตว์ เช่น วัว ไก่ หรือปลา ผ่านกระบวนการเก็บตัวอย่างที่ไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่สัตว์ จากนั้นจึงนำเซลล์เหล่านี้ไปเพาะเลี้ยงในสภาวะที่เหมาะสมเพื่อให้เซลล์แบ่งตัวและเจริญเติบโตเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อ
หัวใจสำคัญของเทคโนโลยีเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง คือการสร้างเนื้อสัตว์ที่แท้จริงโดยสมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพากระบวนการปศุสัตว์แบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นการปฏิวัติแนวคิดการผลิตโปรตีนของมนุษยชาติ
กระบวนการผลิต: จากเซลล์สู่จานอาหาร
แม้จะฟังดูซับซ้อน แต่กระบวนการผลิตเนื้อจากแล็บสามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลักๆ ที่เข้าใจได้ง่าย ดังนี้:
- การเก็บตัวอย่างเซลล์ (Cell Sourcing): เริ่มต้นด้วยการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อขนาดเล็กจากสัตว์ที่มีสุขภาพดี ซึ่งอาจทำได้โดยการตัดชิ้นเนื้อขนาดเล็ก (Biopsy) หรือแม้กระทั่งเก็บจากไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว กระบวนการนี้แทบไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์ และเซลล์เพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปผลิตเนื้อได้ในปริมาณมหาศาล
- การเพาะเลี้ยงเซลล์ (Cell Cultivation): เซลล์ที่ได้จะถูกนำไปใส่ในถังเพาะเลี้ยง (Cultivator หรือ Bioreactor) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับถังหมักเบียร์หรือโยเกิร์ต ภายในถังจะมีการจำลองสภาวะแวดล้อมที่เหมือนกับในร่างกายของสัตว์ โดยมีการควบคุมอุณหภูมิ ออกซิเจน และที่สำคัญคือการให้ “อาหารเลี้ยงเซลล์” (Culture Medium) ซึ่งเป็นของเหลวที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต เช่น กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุ และน้ำตาล
- การเจริญเติบโตเป็นเนื้อเยื่อ (Tissue Formation): เมื่ออยู่ในสภาวะที่เหมาะสม เซลล์จะเริ่มแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว จากหลักสิบเป็นหลักล้านเซลล์ จากนั้นเซลล์เหล่านี้จะเริ่มรวมตัวกันและพัฒนาเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเนื้อสัตว์ที่เราบริโภคกัน ในบางกรณี อาจมีการใช้โครงสร้างที่บริโภคได้ (Scaffold) เพื่อช่วยให้เซลล์ยึดเกาะและสร้างโครงสร้างเนื้อเยื่อสามมิติที่มีความซับซ้อนคล้ายกับเนื้อสเต๊ก
- การเก็บเกี่ยวและแปรรูป (Harvesting and Processing): เมื่อเนื้อเยื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จะถูกนำออกจากถังเพาะเลี้ยงและนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เช่น เนื้อบด ไส้กรอก นักเก็ต หรือแม้กระทั่งสเต๊ก ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและวัตถุประสงค์ของผู้ผลิต
การอนุมัติโดย อย.: ก้าวประวัติศาสตร์ของวงการอาหารไทย
การที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยให้การรับรองผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เป็นผลมาจากการประเมินและพิจารณาอย่างรอบด้านในมิติของความปลอดภัยของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของหน่วยงาน การอนุมัติครั้งนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าผลิตภัณฑ์อาหารแห่งอนาคตชนิดนี้ได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่เข้มงวดของประเทศไทยแล้ว
มาตรฐานความปลอดภัยและหลักเกณฑ์การพิจารณา
แม้ในประกาศจะยังไม่ได้ระบุรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับข้อกำหนดทั้งหมด แต่โดยทั่วไปแล้ว กระบวนการพิจารณาอนุมัติผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ (Novel Food) เช่น เนื้อจากแล็บ จะครอบคลุมประเด็นสำคัญหลายด้าน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้บริโภค
ประเด็นที่ อย. ต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ประกอบด้วย:
- ความปลอดภัยของเซลล์เริ่มต้น: ต้องมีการตรวจสอบและรับรองว่าเซลล์ที่นำมาใช้เป็นเซลล์เริ่มต้นนั้นมาจากสัตว์ที่มีสุขภาพดี ปลอดจากโรคติดต่อ และไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรมที่เป็นอันตราย
- ความปลอดภัยของอาหารเลี้ยงเซลล์: ส่วนประกอบทุกชนิดในอาหารเลี้ยงเซลล์ต้องเป็นเกรดอาหาร (Food-grade) และปลอดภัยต่อการบริโภค ไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- ความสะอาดของกระบวนการผลิต: โรงงานและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงต้องผ่านมาตรฐานสุขลักษณะที่ดี (Good Manufacturing Practice – GMP) เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์หรือสิ่งแปลกปลอม
- คุณค่าทางโภชนาการ: ผลิตภัณฑ์สุดท้ายต้องมีคุณค่าทางโภชนาการที่สอดคล้องกับเนื้อสัตว์ประเภทเดียวกัน และต้องมีการแสดงข้อมูลบนฉลากอย่างถูกต้องและชัดเจน
- การประเมินสารก่อภูมิแพ้: ต้องมีการประเมินว่าผลิตภัณฑ์มีโอกาสก่อให้เกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการใช้ส่วนผสมใหม่ๆ ในกระบวนการผลิต
ผลกระทบต่อตลาดผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
การอนุมัติครั้งนี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายมิติ เริ่มจากผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกในการบริโภคโปรตีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กลุ่มที่คำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์ และกลุ่มที่มองหาอาหารที่สะอาดและปลอดภัยจากการปนเปื้อนที่อาจพบได้ในฟาร์มแบบเปิด
ในภาคธุรกิจ การเปิดตลาดเนื้อจากแล็บจะสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่พัฒนาและผลิตเนื้อเพาะเลี้ยง ไปจนถึงธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม และซูเปอร์มาร์เก็ตที่จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ สิ่งนี้ยังอาจกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอาหารในประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เปรียบเทียบเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงกับเนื้อสัตว์จากฟาร์มแบบดั้งเดิม
เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างและข้อดีของเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบกับเนื้อสัตว์ที่ได้จากฟาร์มแบบดั้งเดิมในมิติต่างๆ จะช่วยสร้างความเข้าใจได้เป็นอย่างดี
คุณลักษณะ | เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง (Cultured Meat) | เนื้อสัตว์จากฟาร์ม (Conventional Meat) |
---|---|---|
แหล่งที่มา | ผลิตจากการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์ในห้องปฏิบัติการ | มาจากการเลี้ยงสัตว์ทั้งตัวในฟาร์มปศุสัตว์ |
สวัสดิภาพสัตว์ | ไม่ต้องมีการฆ่าสัตว์ในกระบวนการผลิตหลัก | จำเป็นต้องมีการเชือดสัตว์เพื่อให้ได้เนื้อ |
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | มีศักยภาพในการลดการใช้ที่ดิน น้ำ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ | เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมากและปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง |
ความปลอดภัยและการปนเปื้อน | ผลิตในสภาพแวดล้อมปลอดเชื้อ ควบคุมได้ ลดความเสี่ยงการปนเปื้อนจากแบคทีเรีย เช่น E. coli หรือ Salmonella | มีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนเชื้อโรคในขั้นตอนการเลี้ยงและชำแหละ |
การใช้ยาปฏิชีวนะ | ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะในกระบวนการผลิต | มีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างแพร่หลายเพื่อป้องกันและรักษาโรคในสัตว์ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาเชื้อดื้อยา |
สถานะการรับรองในไทย | ผ่านการอนุมัติจาก อย. ให้วางจำหน่ายได้ ตั้งแต่ 6 ก.ย. 2568 | เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริโภคและควบคุมตามมาตรฐานที่มีมาอย่างยาวนาน |
Cultured Meat ในบริบทโลกและเทรนด์อาหารแห่งอนาคต
การที่ประเทศไทยอนุมัติให้มีการจำหน่ายเนื้อจากแล็บนั้น เป็นการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมอาหารโลก ที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่การสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนและมั่นคงมากขึ้น การเกิดขึ้นของ Cultured Meat ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนหนึ่งของคลื่นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่กว่า ซึ่งเรียกว่า “อาหารแห่งอนาคต” (Future Food)
การยอมรับในระดับสากลและกรณีศึกษาจากต่างประเทศ
ก่อนหน้าประเทศไทย มีหลายประเทศที่ได้บุกเบิกและให้การยอมรับเทคโนโลยีนี้ไปแล้ว โดยประเทศที่โดดเด่นที่สุดคือสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติการขายเนื้อไก่เพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์เมื่อปี 2563 ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ที่หน่วยงานกำกับดูแลทั้งกระทรวงเกษตร (USDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ได้ร่วมกันสร้างกรอบการกำกับดูแลและได้อนุมัติให้บริษัทสองแห่งสามารถผลิตและจำหน่ายเนื้อไก่เพาะเลี้ยงให้กับร้านอาหารได้ในปี 2566
การอนุมัติในประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่และมีมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารที่เข้มงวดอย่างสหรัฐอเมริกา ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก รวมถึง อย. ของไทย และเป็นสัญญาณว่าเทคโนโลยีนี้ได้ก้าวข้ามจากขั้นตอนการวิจัยในห้องแล็บไปสู่การเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมสำหรับผู้บริโภคแล้ว
บทบาทในการสร้างความยั่งยืนทางอาหารและสิ่งแวดล้อม
หนึ่งในแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดของเทคโนโลยีเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง คือศักยภาพในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรที่เกิดจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์แบบดั้งเดิม การผลิตเนื้อสัตว์ทั่วไปต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล ทั้งที่ดินสำหรับเพาะปลูกพืชอาหารสัตว์และสำหรับเลี้ยงสัตว์, ปริมาณน้ำจืดจำนวนมาก, และยังเป็นแหล่งปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบรุนแรง
ในทางกลับกัน การผลิตเนื้อจากแล็บเกิดขึ้นในระบบปิดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถลดการใช้ที่ดินได้มากกว่า 90%, ลดการใช้น้ำได้มากกว่า 80% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 75% เมื่อเทียบกับการผลิตเนื้อวัวแบบดั้งเดิม ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นคำตอบของความท้าทายด้านความยั่งยืนที่โลกกำลังเผชิญอยู่
อนาคตและความท้าทายของเนื้อจากแล็บในประเทศไทย
แม้ว่าการได้รับไฟเขียวจาก อย. จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่เส้นทางของเนื้อจากแล็บในตลาดประเทศไทยยังคงมีความท้าทายอีกหลายประการที่ต้องเผชิญ เพื่อให้สามารถเติบโตและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างได้
ความท้าทายหลักประการแรกคือ การสร้างการยอมรับจากผู้บริโภค แม้ผลิตภัณฑ์จะมีความปลอดภัยและมีรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์ทั่วไป แต่ความใหม่ของเทคโนโลยีอาจทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มเกิดความลังเลหรือไม่มั่นใจ การให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการผลิต ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความเชื่อมั่น
ประการที่สองคือ ราคาจำหน่าย ในช่วงเริ่มต้นของการผลิตเชิงพาณิชย์ ต้นทุนการผลิตเนื้อจากแล็บยังคงสูงกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ราคาจำหน่ายต่อหน่วยสูงกว่าและจำกัดการเข้าถึงของผู้บริโภคในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นและมีการผลิตในปริมาณที่มากขึ้น (Scale-up) ต้นทุนจะลดลงอย่างต่อเนื่องจนสามารถแข่งขันกับเนื้อสัตว์ทั่วไปได้ในอนาคต
ประการสุดท้ายคือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เนื้อจากแล็บส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบของเนื้อบดหรือชิ้นเนื้อขนาดเล็ก การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น สเต๊กชิ้นใหญ่ หรือเนื้อติดกระดูก ยังคงเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับผู้ผลิต
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความท้าทายอยู่ แต่ศักยภาพและโอกาสของตลาดเนื้อจากแล็บในไทยนั้นมีมหาศาล การสนับสนุนจากภาครัฐผ่านการอนุมัติของ อย. ประกอบกับความตื่นตัวของภาคเอกชนและสถาบันวิจัย ดังที่เห็นได้จากความสนใจในงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2025 ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นทั้งตลาดที่สำคัญและเป็นฐานการผลิตนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตของภูมิภาคได้
บทสรุป: การมาถึงของยุคใหม่แห่งโปรตีนทางเลือก
การที่ อย. ไฟเขียว! ‘เนื้อจากแล็บ’ วางขายในไทยแล้ววันนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่การมีผลิตภัณฑ์อาหารชนิดใหม่วางขายในตลาด แต่เป็นการประกาศถึงการเริ่มต้นของยุคใหม่ที่เทคโนโลยีชีวภาพจะเข้ามามีบทบาทในการสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนทางอาหารให้กับสังคมไทยและสังคมโลก
นี่คือทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่มองหาโปรตีนคุณภาพสูงที่มาพร้อมกับกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเคารพต่อสวัสดิภาพสัตว์ เป็นโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมอาหารของไทย และเป็นก้าวสำคัญในการรับมือกับความท้าทายด้านอาหารและสิ่งแวดล้อมของโลก แม้จะยังไม่มียี่ห้อหรือผลิตภัณฑ์แรกที่วางจำหน่ายอย่างชัดเจนในขณะนี้ แต่ผู้บริโภคชาวไทยสามารถคาดหวังได้ว่าจะได้สัมผัสกับรสชาติของอาหารแห่งอนาคตในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารชั้นนำในอีกไม่ช้านี้อย่างแน่นอน การเปิดประตูต้อนรับนวัตกรรมในครั้งนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อทั้งสุขภาพของผู้คนและสุขภาพของโลกในระยะยาว