เนื้อแล็บถึงไทย! อร่อยจริงหรือแค่วาทกรรมโลกสวย?


เนื้อแล็บถึงไทย! อร่อยจริงหรือแค่วาทกรรมโลกสวย?

สารบัญ

การมาถึงของเทคโนโลยีอาหารสมัยใหม่ได้นำเสนอทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค หนึ่งในนั้นคือ “เนื้อแล็บ” หรือ “เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง” ซึ่งเริ่มเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในประเทศไทย คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ เนื้อแล็บถึงไทย! อร่อยจริงหรือแค่วาทกรรมโลกสวย? บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของนวัตกรรมอาหารชนิดนี้ ตั้งแต่กระบวนการผลิต รสชาติ ความปลอดภัย ไปจนถึงผลกระทบในอนาคต เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าเนื้อแล็บคืออะไรและมีศักยภาพเพียงใดในตลาดอาหารไทย

ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง

  • เป็นเนื้อสัตว์จริง: เนื้อแล็บผลิตจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดของสัตว์ ทำให้มีโครงสร้างและองค์ประกอบทางโภชนาการเหมือนกับเนื้อสัตว์ทั่วไป ไม่ใช่เนื้อสังเคราะห์หรือเนื้อที่ทำจากพืช
  • รสชาติขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี: ความอร่อย เนื้อสัมผัส และกลิ่นของเนื้อแล็บขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยง ซึ่งกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ธรรมชาติมากที่สุด
  • ศักยภาพในประเทศไทย: ประเทศไทยมีทีมวิจัยที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง และเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ
  • ความปลอดภัยอยู่ภายใต้การกำกับดูแล: กระบวนการผลิตเนื้อแล็บต้องผ่านการควบคุมและตรวจสอบอย่างเข้มงวด ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาและขออนุมัติในหลายประเทศ แต่ยังไม่มีข้อบ่งชี้ถึงอันตรายที่ชัดเจน
  • ทางเลือกเพื่อความยั่งยืน: เนื้อแล็บถูกมองว่าเป็นอาหารอนาคตที่อาจช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการทำปศุสัตว์แบบดั้งเดิม และตอบโจทย์ด้านสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์

เนื้อแล็บ: นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตที่ต้องจับตา

เนื้อแล็บถึงไทย! อร่อยจริงหรือแค่วาทกรรมโลกสวย? คำถามนี้สะท้อนถึงความสนใจและความกังขาต่อ cultured meat หรือเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำเซลล์ต้นกำเนิด (stem cells) ของสัตว์มาเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการให้เจริญเติบโตเป็นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการเลี้ยงและฆ่าสัตว์ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นที่จับตามองในฐานะแหล่งโปรตีนทางเลือกใหม่ที่อาจเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก

ความสำคัญของเนื้อแล็บไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในแวดวงวิทยาศาสตร์ แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ, นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, นักลงทุนที่มองหาโอกาสใหม่ๆ และเกษตรกรในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และประเด็นด้านสวัสดิภาพสัตว์ ทำให้การแสวงหาแหล่งโปรตีนที่ยั่งยืนกลายเป็นวาระสำคัญระดับโลก การทำความเข้าใจว่าเนื้อแล็บคืออะไร มีกระบวนการผลิตอย่างไร และมีศักยภาพด้านรสชาติและความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ในการตัดสินใจเลือกรับประทานอาหารในอนาคต

เจาะลึกกระบวนการสร้างเนื้อแล็บ: จากเซลล์สู่จานอาหาร

หัวใจของเนื้อแล็บคือเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงที่เลียนแบบกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อตามธรรมชาติของสัตว์ แต่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ทั้งหมดภายในห้องปฏิบัติการ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่สะอาด ปลอดภัย และมีคุณสมบัติทางกายภาพใกล้เคียงของจริง

ขั้นตอนการเพาะเลี้ยงเซลล์

กระบวนการผลิตเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงสามารถสรุปเป็นขั้นตอนหลักๆ ได้ดังนี้:

  1. การเก็บตัวอย่างเซลล์ (Cell Sourcing): เริ่มต้นจากการเก็บตัวอย่างเซลล์ต้นกำเนิดจำนวนเล็กน้อยจากสัตว์ที่มีชีวิต เช่น วัว ไก่ หรือปลา โดยผ่านกระบวนการที่ไม่สร้างความเจ็บปวดหรือเป็นอันตรายต่อสัตว์
  2. การเพาะเลี้ยง (Cultivation): นำเซลล์ที่ได้ไปใส่ในถังปฏิกรณ์ชีวภาพ (Bioreactor) ซึ่งเปรียบเสมือนร่างกายของสัตว์ ภายในถังจะมีการควบคุมอุณหภูมิและสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม พร้อมทั้งให้ “อาหารเลี้ยงเซลล์” (Culture Medium) ซึ่งเป็นสารละลายที่อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็น เช่น กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ เพื่อกระตุ้นให้เซลล์แบ่งตัวและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
  3. การสร้างเนื้อเยื่อ (Tissue Formation): เมื่อเซลล์มีจำนวนมากพอ จะถูกนำไปวางบนโครงสร้างที่กินได้ (Edible Scaffold) เพื่อช่วยจัดเรียงเซลล์ให้ก่อตัวเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อที่มีโครงสร้างและเนื้อสัมผัสเหมือนกับเนื้อสัตว์จริงๆ
  4. การเก็บเกี่ยว (Harvesting): หลังจากใช้เวลาเพาะเลี้ยงหลายสัปดาห์ เนื้อที่เจริญเติบโตเต็มที่จะถูกเก็บเกี่ยวและนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เช่น เนื้อบด ไส้กรอก หรือสเต็ก พร้อมสำหรับการปรุงอาหาร

กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในสภาวะปลอดเชื้อ ทำให้เนื้อแล็บมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค เช่น ซาลโมเนลลา หรือ อีโคไล ต่ำกว่าเนื้อสัตว์จากฟาร์มทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ

ความแตกต่างระหว่างเนื้อแล็บและเนื้อจากพืช

แม้ว่าทั้งเนื้อแล็บและเนื้อจากพืช (Plant-based meat) จะถูกจัดเป็นโปรตีนทางเลือกเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในด้านวัตถุดิบและกระบวนการผลิต ซึ่งส่งผลต่อรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของตนเองได้ดียิ่งขึ้น

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างเนื้อแล็บ (Cultured Meat) และเนื้อจากพืช (Plant-based Meat) ในมิติต่างๆ
คุณสมบัติ เนื้อแล็บ (Cultured Meat) เนื้อจากพืช (Plant-based Meat)
แหล่งที่มา/วัตถุดิบ ผลิตจากเซลล์ของสัตว์จริง ผลิตจากโปรตีนพืช เช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี เห็ด
กระบวนการผลิตหลัก การเพาะเลี้ยงเซลล์ในห้องปฏิบัติการ (Cellular Agriculture) การสกัดและแปรรูปโปรตีนจากพืช
องค์ประกอบทางชีวภาพ เป็นเนื้อเยื่อสัตว์ ประกอบด้วยเซลล์กล้ามเนื้อและไขมันจริง เป็นผลิตภัณฑ์จากพืช ไม่มีเซลล์สัตว์เป็นส่วนประกอบ
รสชาติและเนื้อสัมผัส มีศักยภาพให้รสชาติและเนื้อสัมผัสใกล้เคียงเนื้อสัตว์จริงมากที่สุด พยายามเลียนแบบรสชาติและเนื้อสัมผัสของเนื้อสัตว์โดยใช้วัตถุดิบจากพืชและสารปรุงแต่ง
คุณค่าทางโภชนาการ มีโปรไฟล์สารอาหารเหมือนเนื้อสัตว์ตามธรรมชาติ (เช่น วิตามิน B12, ธาตุเหล็ก Heme) ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและสารอาหารที่เติมเข้าไป อาจมีใยอาหารสูงกว่า แต่ไม่มีวิตามิน B12 ตามธรรมชาติ

รสชาติของเนื้อแล็บ: อร่อยจริงหรือเป็นเพียงการตลาด?

รสชาติของเนื้อแล็บ: อร่อยจริงหรือเป็นเพียงการตลาด?

คำถามที่สำคัญที่สุดในใจผู้บริโภคคือ “เนื้อแล็บอร่อยหรือไม่?” เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากรสชาติไม่เป็นที่ยอมรับ ก็ยากที่จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์กระแสหลักได้ การประเมินรสชาติของเนื้อแล็บต้องพิจารณาจากพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

โครงสร้างทางเคมีที่เหมือนเนื้อสัตว์ธรรมชาติ

ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญและงานวิจัยยืนยันว่า เนื้อแล็บไม่ใช่เนื้อสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นจากสารเคมี แต่เป็น เนื้อสัตว์จริง ในระดับเซลล์ มีองค์ประกอบทางเคมีและชีวภาพเหมือนกับเนื้อที่มาจากสัตว์ ซึ่งหมายความว่ามันมีทั้งโปรตีน ไขมัน และสารให้รสชาติตามธรรมชาติที่พบในเนื้อสัตว์ทั่วไป ด้วยเหตุนี้ เนื้อแล็บจึงมีศักยภาพที่จะให้รสชาติที่ “อร่อย” และเป็นที่คุ้นเคยของผู้บริโภคได้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงรสชาติที่ปรุงแต่งขึ้นมาเลียนแบบ

ปัจจัยที่กำหนดรสชาติและเนื้อสัมผัส

อย่างไรก็ตาม ความอร่อยของเนื้อแล็บไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการในกระบวนการผลิต:

  • ประเภทของเซลล์: เซลล์จากสัตว์ต่างชนิดกัน (วัว ไก่ ปลา) ย่อมให้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
  • การเพาะเลี้ยงไขมัน: ไขมันเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สร้างรสชาติ กลิ่นหอม และความชุ่มฉ่ำ (Juiciness) ของเนื้อ การเพาะเลี้ยงเซลล์ไขมันควบคู่ไปกับเซลล์กล้ามเนื้อและผสมในสัดส่วนที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความอร่อย
  • อาหารเลี้ยงเซลล์: ชนิดและสัดส่วนของสารอาหารที่ใช้เลี้ยงเซลล์สามารถส่งผลต่อรสชาติสุดท้ายของผลิตภัณฑ์ได้
  • เทคโนโลยีการสร้างโครงสร้าง: การพัฒนาโครงสร้างสามมิติที่ซับซ้อน เช่น การสร้างลายไขมันแทรก (Marbling) ในเนื้อสเต็ก ยังคงเป็นความท้าทายทางเทคนิคที่บริษัทต่างๆ กำลังวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับเนื้อสัมผัสให้สมจริงยิ่งขึ้น

ความท้าทายในการเลียนแบบความสมบูรณ์แบบ

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เนื้อแล็บส่วนใหญ่ที่เริ่มวางจำหน่ายมักอยู่ในรูปแบบเนื้อบด เช่น เบอร์เกอร์หรือนักเก็ต เนื่องจากง่ายต่อการผลิตมากกว่าเนื้อเป็นชิ้นใหญ่ๆ ที่มีโครงสร้างซับซ้อนอย่างสเต็กสันใน การสร้างสรรค์เนื้อที่มีทั้งกล้ามเนื้อ ไขมัน และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบเหมือนธรรมชาติยังคงเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ต้องอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป ดังนั้น แม้ว่าเนื้อแล็บจะอร่อยได้จริง แต่ระดับความอร่อยและความสมจริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์และแต่ละผู้ผลิต

วิเคราะห์รอบด้าน: วาทกรรมโลกสวยหรือทางออกที่ยั่งยืน?

การถกเถียงว่าเนื้อแล็บเป็นเพียง “วาทกรรมโลกสวย” หรือไม่นั้น จำเป็นต้องพิจารณาจากข้อดีและความท้าทายอย่างรอบด้าน เพื่อให้เห็นภาพรวมว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพที่จะเป็นทางออกที่ยั่งยืนสำหรับระบบอาหารโลกได้จริงหรือไม่

ผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพสัตว์

เหตุผลหลักที่ผลักดันการพัฒนาเนื้อแล็บคือการลดผลกระทบเชิงลบของอุตสาหกรรมปศุสัตว์แบบดั้งเดิม:

  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การทำปศุสัตว์ โดยเฉพาะวัว เป็นแหล่งปล่อยก๊าซมีเทนที่สำคัญ การผลิตเนื้อในห้องแล็บสามารถลดการปล่อยก๊าซเหล่านี้ได้อย่างมหาศาล
  • ลดการใช้ที่ดินและน้ำ: การเลี้ยงสัตว์ต้องใช้พื้นที่จำนวนมากสำหรับทุ่งหญ้าและปลูกพืชอาหารสัตว์ รวมถึงใช้น้ำในปริมาณมหาศาล เนื้อแล็บต้องการทรัพยากรเหล่านี้น้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
  • ส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์: กระบวนการผลิตไม่จำเป็นต้องมีการฆ่าสัตว์ ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กังวลเรื่องจริยธรรมและสวัสดิภาพสัตว์
  • ลดความเสี่ยงโรคระบาด: การผลิตในระบบปิดช่วยลดความเสี่ยงของโรคระบาดในสัตว์ที่อาจติดต่อสู่คนได้

ความกังวลด้านความปลอดภัยและการยอมรับของผู้บริโภค

ในอีกด้านหนึ่ง เนื้อแล็บยังเผชิญกับความท้าทายและความกังวลหลายประการ:

  • การยอมรับของผู้บริโภค: แนวคิดเรื่องการกินเนื้อที่ “เติบโตในห้องแล็บ” อาจทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติหรือกังวล การสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  • ความปลอดภัยระยะยาว: แม้กระบวนการผลิตจะสะอาดและควบคุมได้ แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับหน่วยงานกำกับดูแลและผู้บริโภค
  • ต้นทุนการผลิต: ปัจจุบันต้นทุนการผลิตเนื้อแล็บยังคงสูงกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไปอย่างมาก การขยายขนาดการผลิต (Scale-up) เพื่อให้มีราคาที่แข่งขันได้ในตลาดเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุด
  • การใช้พลังงาน: กระบวนการเพาะเลี้ยงเซลล์ในถังปฏิกรณ์ชีวภาพจำเป็นต้องใช้พลังงานสูง ซึ่งต้องแน่ใจว่าแหล่งพลังงานที่ใช้นั้นเป็นพลังงานสะอาด เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

ดังนั้น เนื้อแล็บจึงไม่ใช่เพียงวาทกรรมโลกสวย แต่เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในการเป็นทางออกที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอุปสรรคและความท้าทายที่ต้องเอาชนะก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้

อนาคตของเนื้อแล็บในประเทศไทย

ประเทศไทยในฐานะ “ครัวของโลก” มีศักยภาพสูงในการเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดอาหารอนาคต การพัฒนาและการยอมรับเนื้อแล็บในประเทศจึงเป็นประเด็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

ศักยภาพการวิจัยและการลงทุนในประเทศ

ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยทีมวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเนื้อสัตว์เพาะเลี้ยง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของนักวิจัยไทย ความสำเร็จนี้ไม่เพียงสร้างองค์ความรู้ภายในประเทศ แต่ยังดึงดูดความสนใจจากบริษัทและนักลงทุนต่างชาติที่มองเห็นโอกาสในการเข้ามาลงทุนและจัดตั้งฐานการผลิตในไทย ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างงานและถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงในอนาคต

กรอบการกำกับดูแลและมาตรฐานความปลอดภัย

ความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ก่อนที่เนื้อแล็บจะวางจำหน่ายในวงกว้างได้ จำเป็นต้องมีกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อกำหนดมาตรฐานการผลิต การติดฉลาก และการตรวจสอบย้อนกลับ ปัจจุบัน กระบวนการเหล่านี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาและพิจารณา โดยจะมีการอ้างอิงมาตรฐานจากประเทศที่ให้การอนุมัติไปแล้ว เช่น สิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดไทยนั้นปลอดภัยและมีคุณภาพ

ผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมปศุสัตว์

การเข้ามาของเนื้อแล็บอาจสร้างความกังวลให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมปศุสัตว์แบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจเป็นโอกาสในการปรับตัวและพัฒนา เช่น การมุ่งเน้นไปที่ตลาดเนื้อสัตว์พรีเมียม หรือการปรับเปลี่ยนไปสู่การเกษตรกรรมที่ยั่งยืนมากขึ้น นอกจากนี้ ภาคเกษตรกรรมยังอาจมีบทบาทในการผลิตวัตถุดิบสำหรับอาหารเลี้ยงเซลล์ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้เช่นกัน การวางแผนและนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเปลี่ยนผ่านนี้

บทสรุป: ก้าวต่อไปของอาหารแห่งอนาคต

สรุปแล้ว คำตอบของคำถามที่ว่า “เนื้อแล็บถึงไทย! อร่อยจริงหรือแค่วาทกรรมโลกสวย?” นั้นมีความซับซ้อนและหลากหลายมิติ เนื้อแล็บคือเนื้อสัตว์จริงที่ผลิตจากเทคโนโลยีเซลล์ขั้นสูง มีศักยภาพที่จะมอบรสชาติที่อร่อยและคุ้นเคย แต่ระดับความสมบูรณ์แบบของรสชาติและเนื้อสัมผัสยังคงอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เพียง “วาทกรรมโลกสวย” แต่เป็นความพยายามที่เป็นรูปธรรมของวงการวิทยาศาสตร์ในการสร้างทางเลือกด้านอาหารที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพสัตว์ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายอีกมาก ทั้งในด้านการยอมรับของผู้บริโภค ต้นทุนการผลิต และการกำกับดูแลที่ต้องได้รับการแก้ไข

การมาถึงของเนื้อแล็บในประเทศไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งเทคโนโลยีอาหาร ผู้บริโภค เกษตรกร และผู้ประกอบการควรเปิดใจเรียนรู้และติดตามความก้าวหน้าอย่างใกล้ชิด เพราะในอนาคตอันใกล้ เนื้อสัตว์ที่เพาะเลี้ยงจากห้องแล็บอาจกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สำคัญบนโต๊ะอาหารของทุกคน