เนื้อกุ้งแล็บ: อนาคตอาหารไทย หรือแค่ของเล่นคนรวย?
- ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับเนื้อกุ้งเพาะเลี้ยง
- ไขปริศนาเนื้อกุ้งเพาะเลี้ยง: นวัตกรรมจากห้องทดลองสู่จานอาหาร
- ศักยภาพของเนื้อกุ้งแล็บในบริบทความมั่นคงทางอาหาร
- ความท้าทายและอุปสรรค: ทำไมยังไม่แพร่หลายในตลาดไทย
- เปรียบเทียบกับราชาแห่งวัตถุดิบ: กุ้งยอดนิยมในครัวไทย
- บทสรุป: อนาคตของเนื้อกุ้งแล็บในประเทศไทย
บทความนี้จะสำรวจปรากฏการณ์ของ เนื้อกุ้งแล็บ: อนาคตอาหารไทย หรือแค่ของเล่นคนรวย? ซึ่งเป็นคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากการมาถึงของอาหารทะเลเพาะเลี้ยงจากเซลล์ในตลาดผู้บริโภคระดับบน นวัตกรรมนี้จุดประกายบทสนทนาที่สำคัญเกี่ยวกับความยั่งยืน ความปลอดภัยทางอาหาร และความเป็นไปได้ในการเข้าถึงของผู้บริโภคในวงกว้าง โดยจะวิเคราะห์เทคโนโลยีเบื้องหลัง ศักยภาพในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และความท้าทายที่ต้องเผชิญก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของครัวไทยอย่างแท้จริง
ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับเนื้อกุ้งเพาะเลี้ยง
ประเด็นสำคัญของเทคโนโลยีเนื้อกุ้งเพาะเลี้ยง หรือ “เนื้อกุ้งแล็บ” มีดังต่อไปนี้:
- กระบวนการผลิต: เนื้อกุ้งแล็บผลิตจากการเพาะเลี้ยงเซลล์กุ้งจริงในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ทั้งหมด ทำให้ได้เนื้อกุ้งโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการจับจากธรรมชาติหรือการทำฟาร์มแบบดั้งเดิม
- ศักยภาพด้านความยั่งยืน: เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการประมงและการทำฟาร์มกุ้ง เช่น การทำลายป่าชายเลน การปล่อยน้ำเสีย และการจับสัตว์น้ำพลอยได้ (Bycatch)
- ความปลอดภัยของผู้บริโภค: การผลิตในระบบปิดช่วยลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของสารเคมี ยาปฏิชีวนะ โลหะหนัก และไมโครพลาสติกที่อาจพบในอาหารทะเลทั่วไป
- ความท้าทายหลัก: ปัจจุบัน เนื้อกุ้งแล็บยังเผชิญกับอุปสรรคสำคัญด้านต้นทุนการผลิตที่สูงมาก ทำให้ราคาวางจำหน่ายยังไม่สามารถแข่งขันกับกุ้งทั่วไปได้ และยังจำกัดอยู่ในตลาดเฉพาะกลุ่ม
การเกิดขึ้นของเนื้อกุ้งแล็บในซูเปอร์มาร์เก็ตระดับหรูได้จุดประกายคำถามสำคัญถึงทิศทางของอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ (Cellular Agriculture) ที่เคยจำกัดอยู่เพียงในห้องทดลอง กำลังก้าวเข้าสู่จานอาหารของผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรม สร้างทั้งความหวังและความกังขาไปพร้อมกัน สำหรับผู้ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของอาหาร นี่อาจเป็นคำตอบของความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหารที่โลกกำลังเผชิญ แต่ในขณะเดียวกัน ราคาที่สูงลิ่วทำให้เกิดคำถามว่านวัตกรรมนี้จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับคนส่วนใหญ่ได้จริง หรือจะเป็นเพียงสินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเท่านั้น บทความนี้จะเจาะลึกทุกมิติของเนื้อกุ้งเพาะเลี้ยง ตั้งแต่กระบวนการผลิตทางวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับวัฒนธรรมอาหารไทยและระบบนิเวศทางทะเล
ไขปริศนาเนื้อกุ้งเพาะเลี้ยง: นวัตกรรมจากห้องทดลองสู่จานอาหาร
เนื้อกุ้งเพาะเลี้ยง หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเนื้อกุ้งแล็บ คือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ได้จากกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพ โดยไม่ต้องมีการเลี้ยงหรือจับสัตว์ทั้งตัว แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การพัฒนาจนสามารถผลิตเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ได้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของวงการเทคโนโลยีอาหาร (Food Technology) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแหล่งโปรตีนทางเลือกที่ยั่งยืนและปลอดภัยกว่าวิธีการดั้งเดิม
กระบวนการสร้างเนื้อกุ้งแล็บเป็นอย่างไร?
กระบวนการผลิตเนื้อกุ้งแล็บอาศัยหลักการเพาะเลี้ยงเซลล์ ซึ่งคล้ายคลึงกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในทางการแพทย์ แต่ปรับประยุกต์เพื่อการผลิตอาหาร โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้:
- การเก็บตัวอย่างเซลล์ (Cell Isolation): เริ่มต้นจากการเก็บตัวอย่างเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) หรือเซลล์กล้ามเนื้อจำนวนเล็กน้อยจากกุ้งที่มีชีวิต โดยกระบวนการนี้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตของกุ้งตัวนั้น
- การเพาะเลี้ยงในสารอาหาร (Cultivation): นำเซลล์ที่ได้ไปเพาะเลี้ยงในถังปฏิกรณ์ชีวภาพ (Bioreactor) ซึ่งเป็นภาชนะที่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้อย่างแม่นยำ ภายในถังจะเต็มไปด้วยสารอาหารเหลว (Culture Medium) ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุ และปัจจัยการเจริญเติบโตที่จำเป็นต่อเซลล์
- การควบคุมสภาวะแวดล้อม: สภาพแวดล้อมภายในถังปฏิกรณ์ชีวภาพจะถูกควบคุมให้เหมาะสมที่สุดสำหรับการเจริญเติบโตของเซลล์กุ้ง เช่น อุณหภูมิที่ประมาณ 28 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับเซลล์กุ้งในการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวน
- การพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อ (Tissue Formation): เมื่อเซลล์แบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้น จะเริ่มรวมตัวกันและพัฒนาเป็นเส้นใยกล้ามเนื้อ เกิดเป็นโครงสร้างเนื้อเยื่อที่มีลักษณะและสัมผัสคล้ายกับเนื้อกุ้งจริง กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์
- การเก็บเกี่ยว (Harvesting): เมื่อเนื้อเยื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จะถูกนำออกจากถังปฏิกรณ์ชีวภาพเพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่อไป เช่น เนื้อกุ้งบดสำหรับทำเกี๊ยวหรือติ่มซำ
หัวใจสำคัญของเทคโนโลยีนี้คือความสามารถในการสร้างเนื้อสัตว์จริงจากเซลล์เพียงไม่กี่เซลล์ ซึ่งเป็นการปลดล็อกความเป็นไปได้ในการผลิตอาหารโดยใช้ทรัพยากรน้อยลงและสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเดิมอย่างมหาศาล
ความแตกต่างจากกุ้งธรรมชาติและกุ้งฟาร์ม
แม้ว่าผลิตภัณฑ์สุดท้ายจะเป็น “เนื้อกุ้ง” เหมือนกัน แต่ที่มาและคุณลักษณะในด้านต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้ดังตารางต่อไปนี้
คุณลักษณะ | เนื้อกุ้งแล็บ (เพาะเลี้ยง) | กุ้งฟาร์ม (เลี้ยงในบ่อ) | กุ้งธรรมชาติ (จับจากทะเล) |
---|---|---|---|
แหล่งที่มา | ผลิตจากเซลล์ในห้องปฏิบัติการและถังปฏิกรณ์ชีวภาพ | เลี้ยงในบ่อหรือกระชังที่มนุษย์สร้างขึ้น | จับจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น ทะเล หรือแม่น้ำ |
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | ต่ำมาก ไม่ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ไม่สร้างน้ำเสีย | สูง อาจก่อให้เกิดการทำลายป่าชายเลนและมลพิษทางน้ำ | ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับวิธีการจับ อาจเกิดปัญหาการประมงเกินขนาด |
ความเสี่ยงด้านสารปนเปื้อน | ต่ำมาก ควบคุมได้ 100% ไม่มีสารปฏิชีวนะหรือโลหะหนัก | อาจมีความเสี่ยงจากยาปฏิชีวนะและสารเคมีที่ใช้ในการเลี้ยง | อาจมีความเสี่ยงจากโลหะหนักและไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำ |
ความสม่ำเสมอของผลิตภัณฑ์ | สูงมาก สามารถควบคุมคุณภาพ รสชาติ และเนื้อสัมผัสได้ | ปานกลาง คุณภาพแปรผันตามสภาพการเลี้ยงและสายพันธุ์ | ต่ำ คุณภาพและขนาดไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและแหล่งที่จับได้ |
ประเด็นด้านสวัสดิภาพสัตว์ | ไม่มีการฆ่าสัตว์ในกระบวนการผลิตหลัก | มีการเลี้ยงอย่างหนาแน่นและกระบวนการฆ่า | มีการจับและฆ่าสัตว์ |
ต้นทุนและราคา (ปัจจุบัน) | สูงมาก เนื่องจากเทคโนโลยียังใหม่อยู่ | ปานกลาง สามารถเข้าถึงได้ทั่วไป | หลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาด |
ศักยภาพของเนื้อกุ้งแล็บในบริบทความมั่นคงทางอาหาร
การเติบโตของประชากรโลกนำมาซึ่งความต้องการโปรตีนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่อย่างจำกัด เนื้อกุ้งแล็บจึงถือกำเนิดขึ้นในฐานะหนึ่งในคำตอบที่เป็นไปได้สำหรับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหาร โดยมีศักยภาพที่โดดเด่นในหลายมิติ
การตอบโจทย์ปัญหาสิ่งแวดล้อม
อุตสาหกรรมการประมงและการทำฟาร์มกุ้งแบบดั้งเดิมมีส่วนสำคัญในการสร้างผลกระทบเชิงลบต่อระบบนิเวศ การทำฟาร์มกุ้งมักเกี่ยวข้องกับการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำที่สำคัญและเป็นปราการป้องกันชายฝั่งตามธรรมชาติ นอกจากนี้ การปล่อยน้ำทิ้งจากฟาร์มที่ปนเปื้อนเศษอาหารและสารเคมียังก่อให้เกิดมลภาวะทางน้ำ ในขณะที่การประมงในทะเลก็เผชิญกับปัญหาการประมงเกินขนาด (Overfishing) และการจับสัตว์น้ำชนิดอื่นติดมาโดยไม่ตั้งใจ (Bycatch)
เนื้อกุ้งแล็บนำเสนอทางออกที่น่าสนใจ ด้วยกระบวนการผลิตที่ไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรทางทะเลหรือที่ดินขนาดใหญ่ สามารถตั้งโรงงานผลิตได้ทุกที่แม้ในเขตเมือง ลดระยะทางการขนส่ง และที่สำคัญคือเป็นระบบปิดที่ไม่ปล่อยของเสียออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก ซึ่งหากเทคโนโลยีนี้สามารถขยายขนาดการผลิตได้สำเร็จ ก็อาจช่วยลดแรงกดดันต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งได้อย่างมีนัยสำคัญ
ความปลอดภัยและสุขภาพของผู้บริโภค
ความกังวลเรื่องความปลอดภัยในอาหารทะเลเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งอาจนำไปสู่เชื้อดื้อยา หรือการปนเปื้อนของโลหะหนัก เช่น ปรอท และไมโครพลาสติกในสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนมลพิษ
เนื้อกุ้งแล็บมีความได้เปรียบอย่างยิ่งในด้านนี้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมการผลิตถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในห้องปฏิบัติการ ทำให้สามารถรับประกันได้ว่าผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายจะปราศจากสารปนเปื้อนที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ทั้งหมด เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของความปลอดภัยอาหารที่วิธีการผลิตแบบดั้งเดิมไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ เนื้อกุ้งแล็บยังคงเป็นเนื้อกุ้งในระดับชีวภาพ ดังนั้นผู้ที่มีอาการแพ้อาหารทะเลประเภทกุ้ง ก็จะยังคงมีอาการแพ้ผลิตภัณฑ์นี้เช่นเดียวกัน
ความท้าทายและอุปสรรค: ทำไมยังไม่แพร่หลายในตลาดไทย
แม้จะมีศักยภาพสูง แต่เส้นทางของเนื้อกุ้งแล็บสู่การเป็นอาหารกระแสหลักในประเทศไทยยังเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทายหลายประการ ที่ทำให้ปัจจุบันยังคงเป็นเพียงสินค้าในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เท่านั้น
กำแพงด้านราคาที่สูงลิ่ว
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือ ต้นทุนการผลิต เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาเชิงพาณิชย์ ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา, อุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการที่ซับซ้อน, และโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาของ “สารอาหารเลี้ยงเซลล์” (Culture Medium) ยังคงสูงมาก ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยของเนื้อกุ้งแล็บสูงกว่ากุ้งธรรมชาติหรือกุ้งฟาร์มหลายเท่าตัว ส่งผลให้ราคาจำหน่ายปลีกอยู่ในระดับพรีเมียม ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายนัก การลดต้นทุนการผลิตผ่านการวิจัยและพัฒนาเพื่อหาสารอาหารทางเลือกที่ราคาถูกลงและการขยายขนาดการผลิต (Economies of Scale) จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์นี้สามารถแข่งขันในตลาดได้
การยอมรับของผู้บริโภคและภาพลักษณ์
ผู้บริโภคชาวไทยมีความผูกพันกับอาหารและวัตถุดิบจากธรรมชาติมายาวนาน แนวคิดของการรับประทานเนื้อสัตว์ที่ “ปลูก” ขึ้นในห้องแล็บอาจสร้างความรู้สึกไม่คุ้นเคยหรือแม้กระทั่งความกังวลต่อความปลอดภัยและความเป็นธรรมชาติของอาหารได้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Food Neophobia” หรือความกลัวอาหารใหม่ๆ นอกจากนี้ วัฒนธรรมอาหารไทยให้ความสำคัญกับรูปทรงและเนื้อสัมผัสของวัตถุดิบอย่างมาก เช่น ความอร่อยของมันที่หัวกุ้ง หรือเนื้อสัมผัสที่เด้งกรอบของกุ้งทั้งตัวเมื่อนำไปย่างหรือทอด ซึ่งผลิตภัณฑ์เนื้อกุ้งแล็บในปัจจุบันที่มักมาในรูปแบบเนื้อบดหรือแปรรูป อาจยังไม่สามารถตอบโจทย์ความคาดหวังเชิงวัฒนธรรมเหล่านี้ได้ทั้งหมด การสื่อสารและการให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
ความท้าทายด้านกฎระเบียบและมาตรฐาน
ในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารประเภทใหม่ (Novel Food) เนื้อกุ้งแล็บจำเป็นต้องผ่านกระบวนการอนุมัติและรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านอาหารของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย กระบวนการนี้ต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินความปลอดภัย การติดฉลากที่โปร่งใสและชัดเจนสำหรับผู้บริโภค รวมถึงการจำแนกประเภทผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งกระบวนการเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาในการพัฒนาและบังคับใช้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วนทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค
เปรียบเทียบกับราชาแห่งวัตถุดิบ: กุ้งยอดนิยมในครัวไทย
เพื่อทำความเข้าใจบริบทของเนื้อกุ้งแล็บในตลาดอาหารไทย การเปรียบเทียบกับกุ้งชนิดต่างๆ ที่เป็นที่นิยมและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของคนไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญ กุ้งแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะตัวที่เหมาะสมกับเมนูอาหารที่แตกต่างกันไป
กุ้งแชบ๊วย (Penaeus merguiensis)
เป็นกุ้งทะเลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีขนาดกลาง เนื้อมีรสชาติหวานตามธรรมชาติและมีความนุ่มนวล ไม่กระด้างจนเกินไป จึงเหมาะสำหรับเมนูที่ต้องการให้รสชาติของกุ้งผสมผสานกับเครื่องปรุงอื่นๆ ได้ดี เช่น ผัดไทยกุ้งสด ต้มยำกุ้ง หรือใช้เป็นไส้ในขนมจีบและฮะเก๋า
กุ้งแม่น้ำ (Macrobrachium rosenbergii)
ถือเป็นราชาแห่งกุ้งน้ำจืด จุดเด่นที่สุดคือส่วนหัวที่มีมันกุ้งสีส้มเยิ้ม รสชาติเข้มข้น หอมมันเป็นเอกลักษณ์ เนื้อลำตัวมีความแน่น หวาน และฉ่ำ เมนูที่โดดเด่นที่สุดคือกุ้งแม่น้ำเผา ที่เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน หรือนำไปทำต้มยำกุ้งน้ำข้นเพื่อชูรสชาติของมันกุ้ง
กุ้งลายเสือ (Penaeus monodon)
เป็นกุ้งทะเลขนาดใหญ่ มีเปลือกหนาและมีลายพาดคล้ายลายเสือ เนื้อสัมผัสมีความแน่น กรอบ และเด้งสู้ฟันเป็นพิเศษ ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับเมนูที่ต้องการเน้นเนื้อสัมผัสของกุ้ง เช่น กุ้งลายเสือเผา กุ้งอบวุ้นเส้น หรือกุ้งทอดกระเทียมพริกไทย
ความหลากหลายของกุ้งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของความคาดหวังที่ผู้บริโภคชาวไทยมีต่อวัตถุดิบ ซึ่งเป็นความท้าทายที่เนื้อกุ้งแล็บจะต้องพัฒนาทั้งในด้านรสชาติ เนื้อสัมผัส และรูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจานอาหารไทยได้อย่างกลมกลืนในอนาคต
บทสรุป: อนาคตของเนื้อกุ้งแล็บในประเทศไทย
จากการวิเคราะห์ทุกมิติ คำถามที่ว่า เนื้อกุ้งแล็บ: อนาคตอาหารไทย หรือแค่ของเล่นคนรวย? ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว ในสถานการณ์ปัจจุบัน ณ ปี 2568 ด้วยราคาที่สูงและการเข้าถึงที่จำกัด เนื้อกุ้งแล็บยังมีลักษณะเป็น “ของเล่นคนรวย” หรือสินค้าสำหรับตลาดพรีเมียมที่เน้นกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ศักยภาพในการเป็น “อนาคตอาหารไทย” นั้นไม่สามารถปฏิเสธได้ ด้วยคุณประโยชน์ที่ชัดเจนในด้านความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของอาหาร และการสร้างความมั่นคงทางโปรตีนในระยะยาว หากอุตสาหกรรมสามารถก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญด้านต้นทุนการผลิต การยอมรับของผู้บริโภค และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์วัฒนธรรมการบริโภคได้สำเร็จ เนื้อกุ้งแล็บก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นวัตถุดิบทางเลือกที่สำคัญในครัวไทยและครัวโลกได้
อนาคตของเนื้อกุ้งแล็บในประเทศไทยจึงขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่จะทำให้ราคาสามารถเข้าถึงได้ การสื่อสารที่สร้างความเข้าใจและไว้วางใจ และการปรับตัวของผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับรสนิยมและวิถีการกินของคนไทย การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อวัฒนธรรมอาหารไทยและอุตสาหกรรมอาหารทะเลในระยะยาวอย่างไร เป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป