ยาอายุวัฒนะ ผ่าน อย.ไทยแล้ว! กินแล้วอ่อนเยาว์จริงหรือ?
การแสวงหาวิธีชะลอวัยเป็นความปรารถนาของมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย และในปัจจุบัน กระแสข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าเป็น “ยาอายุวัฒนะ” ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล กำลังสร้างความตื่นตัวและเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความหวังใหม่นี้กลับมีประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและประสิทธิผลที่แท้จริง
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ
- การอนุมัติผลิตภัณฑ์ชะลอวัยโดย อย. เป็นก้าวสำคัญ แต่ผู้บริโภคต้องเข้าใจขอบเขตของการรับรอง ซึ่งเน้นที่ความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่ใช่การการันตีผลลัพธ์การย้อนวัย
- ตลาดมืดของยาอายุวัฒนะปลอมเป็นภัยคุกคามร้ายแรง โดยมีการลักลอบผสมสารสเตียรอยด์ที่อันตรายถึงชีวิต การตรวจสอบอย่างเข้มงวดจึงเป็นสิ่งจำเป็น
- ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมีตำรับยาอายุวัฒนะสมุนไพรที่เน้นการปรับสมดุลและบำรุงร่างกายเพื่อชะลอความเสื่อมตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นแนวทางที่แตกต่างจากอาหารเสริมสมัยใหม่
- ผู้บริโภคต้องใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะจากสื่อสังคมออนไลน์ และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ
ประเด็นคำถามที่ว่า ยาอายุวัฒนะ ผ่าน อย.ไทยแล้ว! กินแล้วอ่อนเยาว์จริงหรือ? ได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่สำคัญในแวดวงสุขภาพและความงาม การประกาศรับรองผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต้านความเสื่อมแห่งวัยอย่างเป็นทางการจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าจับตา ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้เปรียบเสมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งคือความหวังในการมีสุขภาพที่แข็งแรงและชะลอวัยอย่างมีหลักการ แต่อีกด้านหนึ่งคือความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบที่อาจปนเปื้อนสารอันตราย บทความนี้จะวิเคราะห์ข้อเท็จจริงอย่างละเอียดเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
ความจริงเบื้องหลังยาชะลอวัย: ความหวังและสิ่งที่ต้องระวัง
ความสนใจในผลิตภัณฑ์ชะลอวัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในทศวรรษที่ผ่านมา สอดคล้องกับแนวโน้มการใส่ใจสุขภาพเชิงป้องกันและการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย การที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มต้านความเสื่อมแห่งวัย เช่น ‘NMN-Booster’ ได้รับการอนุมัติจาก อย. จึงไม่ใช่แค่ข่าวสารในวงการแพทย์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องการดูแลสุขภาพในระยะยาว บุคคลในวัยทำงานจนถึงผู้สูงอายุคือกลุ่มเป้าหมายหลักที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม การอนุมัตินี้ได้เปิดช่องให้เกิดความสับสนและความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายที่อ้างสรรพคุณคล้ายคลึงกัน ดังนั้น การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานกับของปลอมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ถอดรหัส “ยาอายุวัฒนะ” ในยุคปัจจุบัน
คำว่า “ยาอายุวัฒนะ” ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในบริบทที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ตำรับยาสมุนไพรโบราณไปจนถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใช้นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ การทำความเข้าใจนิยามและขอบเขตของการรับรองโดยหน่วยงานภาครัฐจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถประเมินข้อมูลได้อย่างมีเหตุผล
นิยามและความเข้าใจที่แตกต่าง
ในปัจจุบัน คำว่า “ยาอายุวัฒนะ” สามารถแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลัก:
- แนวทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่: หมายถึง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสารประกอบที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาเพื่อมุ่งเป้าไปที่กลไกความเสื่อมของเซลล์ในระดับชีวโมเลกุล เช่น สารกลุ่ม NMN (Nicotinamide Mononucleotide) ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานของเซลล์และการซ่อมแซม DNA ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มักถูกนำเสนอในฐานะ “อาหารเสริมต้านความเสื่อมแห่งวัย” (Anti-aging supplement) ซึ่งเป็นแนวทางที่กำลังเติบโตและมีการวิจัยรองรับมากขึ้น
- แนวทางภูมิปัญญาดั้งเดิม: หมายถึง ตำรับยาที่ประกอบด้วยสมุนไพรหลายชนิดตามหลักการแพทย์แผนไทยหรือแพทย์ทางเลือกอื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อบำรุงร่างกาย ปรับสมดุลของธาตุต่างๆ ในร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ร่างกายแข็งแรงเพื่อต่อสู้กับความเสื่อมตามวัย สรรพคุณจะเน้นไปที่การดูแลสุขภาพองค์รวมมากกว่าการมุ่งเป้าไปที่กลไกเฉพาะทางของเซลล์
ความเข้าใจที่แตกต่างกันนี้ทำให้เกิดการตีความสรรพคุณที่หลากหลาย ผู้บริโภคจึงจำเป็นต้องพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ที่สนใจนั้นอยู่บนพื้นฐานของแนวทางใด
การอนุมัติโดย อย.: ความหมายและขอบเขต
การที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับจาก อย. มีความหมายสำคัญในเชิงความปลอดภัยเป็นหลัก โดยกระบวนการอนุมัติจะพิจารณาถึงส่วนประกอบ กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และการไม่มีสารอันตรายปนเปื้อน เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นปลอดภัยต่อการบริโภคตามปริมาณที่แนะนำ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ:
- การรับรองความปลอดภัย ไม่ใช่การรับรองสรรพคุณย้อนวัย: การอนุมัติของ อย. สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นั้นสามารถ “ทำให้ดูอ่อนเยาว์” หรือ “ย้อนวัย” ได้จริงตามคำโฆษณา แต่เป็นการรับรองว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยในการบริโภคเพื่อวัตถุประสงค์ในการเสริมอาหาร
- สรรพคุณต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด: การกล่าวอ้างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะต้องอยู่ในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต ไม่สามารถอวดอ้างเกินจริงว่าสามารถรักษาโรคหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกายได้
ดังนั้น แม้การอนุมัติจาก อย. จะเป็นเครื่องหมายที่สร้างความมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ผู้บริโภคยังคงต้องใช้วิจารณญาณในการประเมินสรรพคุณที่กล่าวอ้างและไม่คาดหวังผลลัพธ์ที่เกินจริง
ภัยเงียบจากยาอายุวัฒนะปลอม: สเตียรอยด์และสารปนเปื้อน
ท่ามกลางกระแสความนิยมผลิตภัณฑ์ชะลอวัย กลุ่มผู้ผลิตที่ผิดกฎหมายได้ฉวยโอกาสนี้สร้างผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบที่ไม่ได้คุณภาพและเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ โดยปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือการลักลอบผสมสารสเตียรอยด์สังเคราะห์เข้าไปในผลิตภัณฑ์
ลักษณะของผลิตภัณฑ์ปลอมที่ควรสังเกต
ผลิตภัณฑ์ปลอมมักมีลักษณะที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดได้ง่าย อย. ได้ให้ข้อมูลเตือนภัยถึงลักษณะของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ:
- บรรจุภัณฑ์: มักบรรจุในกระป๋องพลาสติกธรรมดา ฉลากมีการออกแบบที่ไม่เป็นมืออาชีพ มีการพิมพ์ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน หรือใช้ข้อความกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง
- เลขทะเบียนตำรับปลอม: ฉลากอาจมีการระบุเลขทะเบียน อย. แต่เมื่อนำไปตรวจสอบในฐานข้อมูลของ อย. จะพบว่าเป็นเลขที่ไม่มีอยู่จริง หรือเป็นเลขของผลิตภัณฑ์อื่น
- ช่องทางการจำหน่าย: มักถูกจำหน่ายในแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ตลาดนัด ร้านค้ารถเร่ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ไม่ได้รับการอนุญาตและไม่มีที่อยู่หรือข้อมูลติดต่อที่ชัดเจน
อันตรายร้ายแรงของสารสเตียรอยด์
ผู้ผลิตมักผสมสารกลุ่มสเตียรอยด์ เช่น เดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) หรือเพรดนิโซโลน (Prednisolone) เข้าไปเพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกมีเรี่ยวแรง กระปรี้กระเปร่า และหายจากอาการปวดเมื่อยได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้หลงเชื่อว่าเป็นผลมาจากสรรพคุณของสมุนไพร แต่ในความเป็นจริงแล้ว การได้รับสารสเตียรอยด์อย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นทางการแพทย์และไม่มีการควบคุมดูแลจากแพทย์ จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกายหลายระบบ
การบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ปนเปื้อนสเตียรอยด์โดยไม่รู้ตัวเป็นอันตรายอย่างยิ่ง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและถาวร ตั้งแต่การกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไปจนถึงการทำงานของอวัยวะสำคัญล้มเหลวและเสียชีวิตได้
ผลข้างเคียงรุนแรงจากการใช้สเตียรอยด์อย่างไม่ถูกต้อง ได้แก่:
- ระบบภูมิคุ้มกัน: ภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกกดให้ต่ำลง ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายและรุนแรงกว่าปกติ
- ระบบทางเดินอาหาร: เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่ภาวะกระเพาะทะลุได้
- ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก: ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อลีบ และกระดูกผุหรือบางลง เพิ่มความเสี่ยงกระดูกหักได้ง่าย
- ระบบต่อมไร้ท่อ: รบกวนการทำงานของต่อมหมวกไต ทำให้ร่างกายหยุดผลิตฮอร์โมนสเตียรอยด์ตามธรรมชาติ
- ระบบไต: เป็นพิษต่อไต และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
วิธีตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย
เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากผลิตภัณฑ์ปลอม ผู้บริโภคควรปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด:
- ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ: ควรซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากร้านขายยาที่มีใบอนุญาตถูกต้อง หรือร้านค้าปลีกที่มีชื่อเสียงเท่านั้น หลีกเลี่ยงการซื้อจากแหล่งที่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้
- ตรวจสอบเลขสารบบอาหาร (เลข อย.): นำเลข 13 หลักที่ระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์ ไปตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ของ อย. หรือแอปพลิเคชัน “Oryor Smart Application” เพื่อยืนยันว่าเลขทะเบียนถูกต้องและตรงกับชื่อผลิตภัณฑ์และข้อมูลผู้ผลิต
- สังเกตฉลากและบรรจุภัณฑ์: ตรวจสอบสภาพของบรรจุภัณฑ์ว่าสมบูรณ์หรือไม่ มีข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วน เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบสำคัญ ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต วันผลิต/หมดอายุ และเครื่องหมาย อย.
คุณลักษณะ | ยาอายุวัฒนะสมุนไพรไทยแท้ | ยาอายุวัฒนะปลอมปนเปื้อน |
---|---|---|
หลักการพื้นฐาน | อิงตามภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย เน้นการปรับสมดุลธาตุ บำรุงร่างกาย และเสริมภูมิคุ้มกัน | ไม่มีหลักการที่ชัดเจน มุ่งเน้นการสร้างผลลัพธ์ที่รวดเร็วเพื่อหลอกลวงผู้บริโภค |
ส่วนประกอบหลัก | สมุนไพรธรรมชาติ เช่น บอระเพ็ด, สมอไทย, พริกไทย, มะขามป้อม, กระชาย เป็นต้น | ไม่ทราบแน่ชัด อาจมีสมุนไพรเล็กน้อย แต่มีการลักลอบผสมสารเคมีอันตราย เช่น สเตียรอยด์ |
กลไกการออกฤทธิ์ | ค่อยเป็นค่อยไป บำรุงร่างกายจากภายในเพื่อชะลอความเสื่อมตามธรรมชาติ | ออกฤทธิ์เร็วทันใจจากสารสเตียรอยด์ ทำให้รู้สึกมีแรง ลดปวด แต่เป็นผลชั่วคราวและอันตราย |
ผลลัพธ์ต่อสุขภาพ | ร่างกายแข็งแรงขึ้น นอนหลับดีขึ้น ลดอาการปวดเมื่อย เสริมสร้างสุขภาพในระยะยาว | เกิดผลข้างเคียงรุนแรงในระยะยาว เช่น ภูมิคุ้มกันตก, กระดูกพรุน, กล้ามเนื้อลีบ, ไตวาย และอาจถึงแก่ชีวิต |
ความปลอดภัย | มีความปลอดภัยสูงเมื่อใช้ตามตำรับที่ถูกต้องและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ | อันตรายอย่างยิ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อสุขภาพ |
ภูมิปัญญาไทย: ตำรับยาอายุวัฒนะสมุนไพรโบราณ
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมัยใหม่ ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมีองค์ความรู้เกี่ยวกับ “ยาอายุวัฒนะ” ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งมีแนวคิดและเป้าหมายในการดูแลสุขภาพที่แตกต่างออกไป โดยมุ่งเน้นการสร้างความแข็งแรงและความสมดุลจากภายใน
หลักการและสรรพคุณพื้นฐาน
ยาอายุวัฒนะตามตำรับไทยไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อ “การย้อนวัย” ที่มองเห็นได้จากภายนอก แต่มีหลักการเพื่อ “ชะลอความเสื่อม” ของร่างกาย โดยอาศัยหลักการสำคัญคือ:
- การปรับสมดุลธาตุ: ตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย ร่างกายประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ การเจ็บป่วยหรือความเสื่อมเกิดจากการเสียสมดุลของธาตุเหล่านี้ ตำรับยาอายุวัฒนะจึงมุ่งเน้นการปรับสมดุลธาตุให้เป็นปกติ
- การบำรุงกำลังและเสริมภูมิคุ้มกัน: สมุนไพรในตำรับมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้ระบบต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้น และเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค ทำให้ร่างกายไม่เจ็บป่วยง่าย
- การขับของเสียและชำระล้าง: สมุนไพรบางชนิดมีฤทธิ์ช่วยในการขับสารพิษหรือของเสียออกจากร่างกาย เพื่อให้เซลล์และอวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนประกอบสมุนไพรสำคัญในตำรับไทย
ตำรับยาอายุวัฒนะของไทยมีส่วนประกอบของสมุนไพรที่หลากหลาย โดยแต่ละชนิดมีสรรพคุณที่เกื้อหนุนกัน ตัวอย่างสมุนไพรที่นิยมใช้ ได้แก่:
- บอระเพ็ด: มีรสขมจัด เป็นยาเย็น ช่วยลดไข้ บำรุงน้ำดี และเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี
- สมอไทย: เป็นหนึ่งใน “ตรีผลา” มีสรรพคุณช่วยระบายอ่อนๆ แก้ลมป่วง และช่วยชำระล้างสารพิษในลำไส้
- พริกไทย: มีรสร้อน ช่วยขับลม บำรุงธาตุไฟ ทำให้เลือดไหลเวียนดี และช่วยให้เจริญอาหาร
- กระชาย: บำรุงกำลัง บำรุงกระดูก และมีสรรพคุณในการปรับสมดุลฮอร์โมน
- มะขามป้อม: มีวิตามินซีสูงมาก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และบำรุงผิวพรรณ
- เถาวัลย์เปรียง: มีสรรพคุณเด่นในการบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ
ตัวอย่างตำรับและการนำไปใช้
ภูมิปัญญาไทยมีการนำสมุนไพรเหล่านี้มาปรุงเป็นตำรับยาในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทานและเก็บรักษา เช่น:
- บอระเพ็ดดองน้ำผึ้ง: เป็นวิธีลดความขมของบอระเพ็ด โดยการหั่นบอระเพ็ดเป็นแว่นแล้วนำไปหมักในน้ำผึ้ง รับประทานเป็นประจำเพื่อบำรุงร่างกาย
- ยาลูกกลอน: นำสมุนไพรหลายชนิด เช่น เหงือกปลาหมอ พริกไทยดำ มาบดให้เป็นผงแล้วคลุกเคล้ากับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดเล็กๆ รับประทานเพื่อบำรุงกำลัง ทำให้จิตใจสดชื่น
การใช้ยาอายุวัฒนะตามตำรับโบราณควรอยู่ภายใต้ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยเป็นการบำรุงสุขภาพแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่ใช่ยารักษาโรคที่ให้ผลรวดเร็วทันใจ
การเลือกบริโภคอย่างชาญฉลาดในยุคข้อมูลข่าวสาร
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ ผู้บริโภคจำเป็นต้องมีทักษะในการคัดกรองและประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพื่อประกอบการตัดสินใจที่ถูกต้องและปลอดภัย
การรับมือกับข้อมูลในโซเชียลมีเดีย
สื่อสังคมออนไลน์เต็มไปด้วยการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัว คลิปวิดีโอ หรือบทความที่พูดถึงสรรพคุณของยาอายุวัฒนะต่างๆ ซึ่งมักจะเน้นไปที่ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้มักขาดการอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์หรือการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผู้บริโภคควรตั้งคำถามและตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เสมอ เช่น หน่วยงานภาครัฐ สถาบันวิจัย หรือบุคลากรทางการแพทย์ ก่อนที่จะตัดสินใจเชื่อหรือลองใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำบอกเล่า การอ้างอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยหรือประสิทธิผลสำหรับทุกคนได้
บทสรุป: ก้าวสู่สุขภาพที่ยั่งยืนด้วยความเข้าใจ
ปรากฏการณ์ “ยาอายุวัฒนะ” ในสังคมไทยปัจจุบันสะท้อนภาพของความหวังทางสุขภาพที่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง การที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต้านความเสื่อมแห่งวัยได้รับการอนุมัติจาก อย. ถือเป็นสัญญาณที่ดีของความก้าวหน้า แต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่สุขภาพที่ยืนยาว การจะตอบคำถามที่ว่า ยาอายุวัฒนะ ผ่าน อย.ไทยแล้ว! กินแล้วอ่อนเยาว์จริงหรือ? นั้น จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจที่ครอบคลุม ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ ภูมิปัญญาดั้งเดิม และที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัย
หัวใจสำคัญอยู่ที่การเป็นผู้บริโภคที่ชาญฉลาด การตระหนักถึงอันตรายร้ายแรงจากผลิตภัณฑ์ปลอมที่ปนเปื้อนสเตียรอยด์ และการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนการตัดสินใจถือเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ขณะเดียวกัน การเปิดใจเรียนรู้คุณค่าของตำรับสมุนไพรไทยโบราณในฐานะแนวทางการบำรุงสุขภาพองค์รวมก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ท้ายที่สุด