กทม. รับมือน้ำท่วม 68: เช็คพื้นที่เสี่ยง-แผนป้องกันใหม่


กทม. รับมือน้ำท่วม 68: เช็คพื้นที่เสี่ยง-แผนป้องกันใหม่

สารบัญ

กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เปิดเผยแผนการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยแผน กทม. รับมือน้ำท่วม 68: เช็คพื้นที่เสี่ยง-แผนป้องกันใหม่ ถือเป็นมาตรการเชิงรุกที่มุ่งเน้นการป้องกันและลดผลกระทบอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมตั้งแต่การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการระบายน้ำ การเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงเป็นพิเศษ ไปจนถึงการเปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเหตุ เพื่อให้การบริหารจัดการสถานการณ์น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ท่ามกลางความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้รูปแบบของฝนมีความรุนแรงและคาดการณ์ได้ยากขึ้น

ประเด็นสำคัญของแผนรับมือน้ำท่วมปี 2568

  • การเตรียมความพร้อมเชิงรุก: กทม. ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจร
  • การยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน: มีการดำเนินมาตรการสำคัญหลายด้าน เช่น การล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำกว่า 2,500 กิโลเมตร, การขุดลอกคลอง 190 กิโลเมตร และการบำรุงรักษาสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ และอุโมงค์ระบายน้ำทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้พร้อมใช้งานเต็มศักยภาพ
  • การจัดการพื้นที่เสี่ยง: มีการติดตั้งระบบระบายน้ำชั่วคราวเพิ่มเติมในจุดที่เคยเกิดปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซาก เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดฝนตกหนัก
  • การมีส่วนร่วมของประชาชน: ส่งเสริมให้ประชาชนใช้แอปพลิเคชัน Traffy Fondue ในการแจ้งเหตุต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการระบายน้ำ เช่น ต้นไม้หักโค่น หรือสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที

บริบทและความท้าทายของสถานการณ์น้ำท่วมกรุงเทพ

ปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนและเกิดขึ้นซ้ำ ๆ มาอย่างยาวนาน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ประกอบกับการขยายตัวของเมืองที่ทำให้พื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติลดลง อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาดังกล่าวได้ทวีความรุนแรงขึ้นจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งส่งผลให้ปริมาณฝนตกหนักและมีความถี่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ปรากฏการณ์ฝนตกหนักเกินขีดความสามารถของระบบระบายน้ำเดิมกลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้มาตรการแก้ไขปัญหาแบบเดิมอาจไม่เพียงพอต่อการรับมืออีกต่อไป ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการตั้งรับไปสู่การวางแผนเชิงรุก โดยต้องมีการประเมินความเสี่ยงและบริหารจัดการสถานการณ์ในระยะยาวอย่างเป็นระบบ แผนรับมือน้ำท่วมปี 2568 จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ๆ เหล่านี้ โดยมุ่งเน้นการบูรณาการทั้งมาตรการด้านวิศวกรรม เทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน เพื่อสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน

แผนปฏิบัติการเชิงรุก: กทม. รับมือน้ำท่วม 68: เช็คพื้นที่เสี่ยง-แผนป้องกันใหม่

เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นในปี 2568 กรุงเทพมหานครได้กำหนดแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนและครอบคลุมในหลายมิติ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แผนดังกล่าวไม่เพียงแต่เน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังรวมถึงการวางรากฐานเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

การจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

หัวใจสำคัญของแผนปฏิบัติการในปีนี้ คือการจัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ” ตามคำสั่ง กทม. ที่ 625/2567 ซึ่งเริ่มปฏิบัติการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ศูนย์แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นหน่วยบัญชาการกลาง (Command Center) ในการรวบรวมข้อมูล ติดตามสถานการณ์ ประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งสำนักการระบายน้ำ สำนักงานเขต และหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การสั่งการและให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นเอกภาพ การมีศูนย์กลางบัญชาการที่ชัดเจนช่วยลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

แผนการดำเนินงานในปี 2568 ได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของการยอมรับว่ารูปแบบสภาพอากาศได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว นักวิชาการและภาครัฐต่างเห็นพ้องว่าการใช้มาตรการแบบเดิมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ดังนั้น การบริหารจัดการน้ำจึงต้องเปลี่ยนจากการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นการวางแผนป้องกันเชิงรุกในระยะยาว ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณน้ำฝนย้อนหลัง การใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อคาดการณ์พื้นที่เสี่ยง และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า แนวทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการปรับตัวเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน

มาตรการด้านโครงสร้างพื้นฐาน: หัวใจสำคัญของการระบายน้ำ

มาตรการด้านโครงสร้างพื้นฐาน: หัวใจสำคัญของการระบายน้ำ

เพื่อให้ระบบระบายน้ำของกรุงเทพมหานครสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ การบำรุงรักษาและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจึงเป็นมาตรการที่มีความสำคัญสูงสุด กทม. ได้ทุ่มเททรัพยากรจำนวนมากเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านนี้ก่อนเข้าสู่ฤดูฝน

การเพิ่มประสิทธิภาพทางระบายน้ำ: ลอกท่อ และขุดลอกคลอง

หนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมขังคือการอุดตันของเส้นทางระบายน้ำ ในปี 2568 กทม. ได้ตั้งเป้าหมายการดำเนินงานอย่างชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ประกอบด้วย:

  • การล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ: ดำเนินการครอบคลุมระยะทางกว่า 2,593 กิโลเมตร เพื่อกำจัดขยะ ดินเลน และไขมันที่สะสมอยู่ภายในท่อ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการไหลของน้ำ
  • การขุดลอกคลอง: ตั้งเป้าหมายขุดลอกคลองสายหลักและสายย่อยรวมระยะทาง 190 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มความลึกและความจุปริมาณน้ำในคลองให้สามารถรองรับน้ำฝนและทำหน้าที่เป็นเส้นทางลำเลียงน้ำไปสู่สถานีสูบน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การเปิดทางน้ำไหล: กำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางในคูคลองและทางน้ำต่างๆ เป็นระยะทางกว่า 970 กิโลเมตร เพื่อให้น้ำสามารถไหลผ่านได้อย่างสะดวก

การบำรุงรักษาระบบระบายน้ำหลัก

นอกเหนือจากการดูแลเส้นทางน้ำขนาดเล็กแล้ว ระบบระบายน้ำขนาดใหญ่ซึ่งเป็นโครงข่ายหลักก็ได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างเข้มข้นเพื่อให้พร้อมใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้:

  • สถานีสูบน้ำ: ตรวจสอบความพร้อมของสถานีสูบน้ำทั้ง 200 แห่งทั่วกรุงเทพฯ
  • บ่อสูบน้ำ: บำรุงรักษาบ่อสูบน้ำอีก 349 แห่ง ซึ่งทำหน้าที่สูบน้ำจากพื้นที่ต่ำไปยังระบบระบายน้ำหลัก
  • ประตูระบายน้ำ: ควบคุมและซ่อมบำรุงประตูระบายน้ำ 243 แห่ง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการระดับน้ำในคลองได้อย่างแม่นยำ
  • อุโมงค์ระบายน้ำ: ตรวจสอบและเตรียมความพร้อมของอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเร่งระบายน้ำปริมาณมหาศาลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยตรง

การบำรุงรักษาระบบโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนการดูแลเส้นเลือดใหญ่ของเมืองให้พร้อมรับมือกับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดระยะเวลาและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง

สรุปมาตรการเชิงโครงสร้างของ กทม. เพื่อรับมือน้ำท่วมปี 2568
มาตรการ เป้าหมายการดำเนินงาน วัตถุประสงค์
ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ระยะทาง 2,593 กิโลเมตร กำจัดสิ่งอุดตัน เพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำในท่อ
ขุดลอกคลอง ระยะทาง 190 กิโลเมตร เพิ่มความจุของคลองในการรองรับและลำเลียงน้ำ
เปิดทางน้ำไหล ระยะทาง 970 กิโลเมตร กำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางในลำน้ำ
บำรุงรักษาระบบหลัก สถานีสูบน้ำ (200), บ่อสูบน้ำ (349), ประตูระบายน้ำ (243), อุโมงค์ (4) สร้างความมั่นใจว่าเครื่องมือระบายน้ำขนาดใหญ่พร้อมใช้งาน

นวัตกรรมการจัดการน้ำ: แก้มลิงและ Water Bank

นอกจากการเร่งระบายน้ำแล้ว แผนของ กทม. ยังให้ความสำคัญกับการ “หน่วงน้ำ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการบริหารจัดการน้ำท่วม โดยมีการเตรียมความพร้อมของพื้นที่หน่วงน้ำ 37 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่แก้มลิงและโครงการ Water Bank พื้นที่เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นอ่างเก็บน้ำชั่วคราวเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนส่วนเกินในขณะที่ฝนตกหนัก ช่วยชะลอการไหลของน้ำเข้าสู่ระบบระบายน้ำหลัก และลดโอกาสการเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชน เมื่อสถานการณ์ฝนคลี่คลายลง น้ำที่เก็บไว้จะค่อยๆ ถูกระบายออกไป ถือเป็นวิธีการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

การบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงและมาตรการเฉพาะจุด

กทม. ได้ระบุพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำท่วมที่เกิดปัญหาซ้ำซาก และได้วางมาตรการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาเป็นพิเศษสำหรับพื้นที่เหล่านี้ เพื่อให้การตอบสนองเป็นไปอย่างรวดเร็วและตรงจุด

ระบบระบายน้ำชั่วคราวในจุดเฝ้าระวังพิเศษ

สำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำหรือบริเวณที่เป็นคอขวดของการระบายน้ำ กทม. ได้ดำเนินการติดตั้งระบบระบายน้ำชั่วคราวเพิ่มเติม เช่น เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ และการวางแนวท่อเสริม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น มาตรการนี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่สามารถลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง

การจัดการต้นไม้และสิ่งกีดขวางทางน้ำ

ต้นไม้ใหญ่ที่หักโค่นหรือกิ่งไม้ที่ตกลงมาในช่วงที่มีพายุฝนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากสามารถกีดขวางทางน้ำและสร้างความเสียหายต่อระบบสายไฟฟ้าได้ กทม. จึงมีมาตรการเชิงรุกในการจัดการปัญหานี้ โดยเปิดให้ประชาชนแจ้งเหตุต้นไม้หรือกิ่งไม้ที่อยู่ในสภาพเสี่ยงผ่านสำนักงานเขตในพื้นที่ หรือแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน Traffy Fondue เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตัดแต่งและเก็บกวาด นอกจากนี้ ยังมีบริการตัดแต่งต้นไม้ในพื้นที่เอกชนโดยคิดอัตราค่าบริการตามที่กำหนด เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาไว้ล่วงหน้า

การมีส่วนร่วมของประชาชนและช่องทางการสื่อสาร

ความสำเร็จของแผนรับมือน้ำท่วมไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานภาครัฐเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการความร่วมมือจากภาคประชาชน กทม. จึงได้พัฒนาช่องทางเพื่อให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและแจ้งปัญหาได้อย่างสะดวก

Traffy Fondue: เครื่องมือแจ้งเหตุสำหรับทุกคน

แอปพลิเคชัน Traffy Fondue (ทราฟฟี่ ฟองดูว์) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างประชาชนและ กทม. ประชาชนสามารถถ่ายภาพและระบุตำแหน่งของปัญหาที่พบเห็น เช่น ฝาท่อระบายน้ำชำรุด, ขยะอุดตันท่อ, หรือต้นไม้เสี่ยงโค่นล้ม แล้วส่งเรื่องผ่านแอปพลิเคชัน ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งตรงไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้นๆ เพื่อเข้าดำเนินการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ กทม. รับทราบปัญหาได้ครอบคลุมและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมของพลเมืองในการดูแลรักษาสาธารณสมบัติอีกด้วย

บทสรุปและแนวทางการเตรียมความพร้อม

แผน กทม. รับมือน้ำท่วม 68: เช็คพื้นที่เสี่ยง-แผนป้องกันใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกรุงเทพมหานครในการเปลี่ยนผ่านจากการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปสู่การบริหารจัดการน้ำท่วมอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ด้วยการผสมผสานมาตรการทางวิศวกรรมที่เข้มข้น การเตรียมความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างเต็มกำลัง และการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการสื่อสาร

อย่างไรก็ตาม การรับมือกับภัยธรรมชาติเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วน ประชาชนควรติดตามข่าวสารและประกาศเตือนจากหน่วยงานราชการอย่างสม่ำเสมอ เตรียมความพร้อมในครัวเรือนโดยการเก็บของขึ้นที่สูงและสำรองสิ่งของจำเป็น รวมถึงมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมรอบตัว ไม่ทิ้งขยะลงในคูคลองหรือท่อระบายน้ำ และใช้ช่องทางอย่าง Traffy Fondue เพื่อแจ้งเหตุ ความร่วมมือจากทุกคนจะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้กรุงเทพมหานครสามารถผ่านพ้นช่วงฤดูฝนและลดผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด