มิลานแฟชั่นวีค! สรุปเทรนด์เด่น Spring/Summer 2026

สารบัญ

มิลานแฟชั่นวีค หนึ่งในสี่งานจัดแสดงแฟชั่นที่สำคัญที่สุดของโลก ได้ปิดฉากลงสำหรับคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2026 โดยได้นำเสนอวิสัยทัศน์และทิศทางใหม่ๆ ที่จะส่งอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นทั่วโลก งานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการจัดแสดงเสื้อผ้า แต่ยังเป็นเวทีสะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสังคมผ่านมุมมองของดีไซเนอร์ชั้นนำ

  • ความลื่นไหลทางเพศสภาพ: ผ้าลูกไม้และงานปักไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในแฟชั่นสตรีอีกต่อไป โดยถูกนำมาตีความใหม่ในเสื้อผ้าบุรุษเพื่อสร้างมิติที่ซับซ้อนและน่าสนใจยิ่งขึ้น
  • การปะทะกันของสีสัน: ฤดูกาลนี้โดดเด่นด้วยการใช้สีที่ตัดกันอย่างชัดเจนระหว่างโทนสีสดใสอย่างแอปเปิ้ลกรีนและชมพูสด กับโทนสีพาสเทลที่นุ่มนวลอย่างสีลิลลี่และมิ้นต์
  • การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแบรนด์: แบรนด์ยักษ์ใหญ่หลายแบรนด์มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ซึ่งนำไปสู่การนำเสนอคอลเล็กชั่นเดบิวต์ที่หลายคนจับตามอง และอาจเป็นการกำหนดทิศทางใหม่ของแบรนด์ในระยะยาว
  • งานฝีมือและความละเอียดอ่อน: เทคนิคงานฝีมือชั้นสูง เช่น งานปัก (Embroidery) ได้รับการเน้นย้ำเป็นพิเศษ แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของความประณีตและความหรูหราเหนือกาลเวลา

บทความนี้จะทำการวิเคราะห์และสรุปเทรนด์เด่นจาก มิลานแฟชั่นวีค! สรุปเทรนด์เด่น Spring/Summer 2026 อย่างละเอียด ตั้งแต่เทรนด์หลักบนรันเวย์ ไฮไลต์สำคัญจากแบรนด์ดัง ไปจนถึงภาพรวมของสตรีทสไตล์ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนของภูมิทัศน์แฟชั่นที่กำลังจะมาถึงในฤดูกาลหน้า ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและผู้ที่สนใจติดตามความเคลื่อนไหวของเทรนด์โลก

ภาพรวมของ Milan Fashion Week SS26

Milan Fashion Week (MFW) สำหรับฤดูกาล Spring/Summer 2026 จัดขึ้นในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความตื่นตัวของวงการแฟชั่นโลก ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเมืองหลวงแฟชั่นที่สำคัญ มิลานเป็นเวทีที่แบรนด์สัญชาติอิตาลีและแบรนด์นานาชาติเลือกใช้ในการนำเสนอคอลเล็กชั่นที่ผสมผสานระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานกับนวัตกรรมสมัยใหม่ ความสำคัญของงานในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่การแสดงเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวและความพยายามในการปรับตัวของอุตสาหกรรมแฟชั่นหรูหรา ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ผู้ที่ติดตามงานนี้ประกอบด้วยกลุ่มคนหลากหลาย ตั้งแต่บายเออร์จากห้างสรรพสินค้าชั้นนำ, สื่อมวลชนและบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่น, อินฟลูเอนเซอร์, ไปจนถึงเหล่าคนดังและลูกค้า VIP จากทั่วโลก ซึ่งทุกคนต่างเดินทางมาเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์นี้ และเพื่อเฟ้นหาทิศทางใหม่ๆ ที่จะนำไปปรับใช้ในตลาดของตนเอง งาน MFW SS26 จึงเป็นมากกว่างานแสดงแฟชั่น แต่เป็นจุดนัดพบสำคัญที่กำหนดแนวโน้มและขับเคลื่อนธุรกิจแฟชั่นมูลค่ามหาศาล

เทรนด์หลักที่กำหนดทิศทางแฟชั่นจากรันเวย์

รันเวย์ในมิลานฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยแนวคิดที่หลากหลาย แต่มีเทรนด์หลักหลายประการที่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดในหลายคอลเล็กชั่น ซึ่งบ่งชี้ถึงทิศทางร่วมกันของเหล่าดีไซเนอร์ในการตีความแฟชั่นสำหรับอนาคตอันใกล้

ศิลปะบนผืนผ้า: งานปักและความหรูหรา

งานฝีมือชั้นสูง (Artisanal Craftsmanship) ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของแฟชั่นอิตาลี และในฤดูกาลนี้ เทคนิคการปัก (Embroidery) ได้ถูกนำมาเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างสรรค์ความหรูหราและความพิเศษให้กับเสื้อผ้า แบรนด์ Dolce & Gabbana ได้ยกระดับชุดสูทสไตล์ชุดนอน (Pajama Suit) ให้มีความหรูหราขึ้นด้วยการใช้งานปักที่ละเอียดลออ ทำให้ชุดที่ดูผ่อนคลายกลายเป็นไอเท็มที่สวมใส่ออกงานได้อย่างสง่างาม ในขณะที่แบรนด์ Blumarble เลือกใช้ไข่มุกมาประดับตกแต่งเพื่อเพิ่มมิติและความแวววาว สร้างลุคที่ดูหรูหราและโรแมนติกไปพร้อมกัน

ที่น่าสนใจคือการตีความงานปักในรูปแบบที่ร่วมสมัยและแฝงไปด้วยนัยยะทางสังคม ดังเช่นที่แบรนด์ Doublet ได้สร้างสรรค์ลวดลายปักรูปปลากำลังแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางขวดพลาสติกบนสเวตเตอร์ถัก ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงทักษะเชิงช่าง แต่ยังเป็นการสะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านแฟชั่นอีกด้วย การกลับมาของงานปักในครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำว่า คุณค่าของแฟชั่นไม่ได้อยู่ที่ความแปลกใหม่เพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่ความประณีตและเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ทลายขอบเขต: ผ้าลูกไม้และโครเชต์ในแฟชั่นชาย

หนึ่งในเทรนด์ที่น่าจับตามองที่สุดใน MFW SS26 คือการนำวัสดุที่เคยถูกจำกัดอยู่ในแฟชั่นสตรีอย่างผ้าลูกไม้ (Lace) และงานถักโครเชต์ (Crochet) มาใช้ในเสื้อผ้าบุรุษอย่างแพร่หลาย การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดเรื่องความลื่นไหลทางเพศ (Gender Fluidity) ที่กำลังเป็นกระแสหลักในสังคมปัจจุบัน แบรนด์ Egonlab เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในการนำเสนอคอลเล็กชั่นที่ใช้ผ้าลูกไม้เป็นวัสดุหลัก สร้างสรรค์ลุคสำหรับผู้ชายที่ดูเซ็กซี่ เปราะบาง และโรแมนติก ซึ่งเป็นการทลายภาพจำเดิมๆ ของความเป็นชายที่ต้องแข็งแกร่งและบึกบึน

การใช้ผ้าลูกไม้และโครเชต์ในแฟชั่นชายไม่ได้เป็นเพียงการทดลองที่ táo bạo แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชายได้แสดงออกถึงตัวตนในแง่มุมที่อ่อนโยนและซับซ้อนมากขึ้น เทรนด์นี้แสดงให้เห็นว่าแฟชั่นกำลังก้าวข้ามขอบเขตทางเพศสภาพ และมุ่งเน้นไปที่การแสดงออกถึงความเป็นปัจเจกบุคคลมากกว่าการยึดติดกับกฎเกณฑ์เดิมๆ

การกลับมาของลายพิมพ์: ความหลากหลายที่ลงตัว

ลายพิมพ์ (Prints) ที่หลากหลายกลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งบนรันเวย์มิลาน ตั้งแต่ลายสัตว์ที่ดูดุดัน ลายดอกไม้ที่อ่อนหวาน ไปจนถึงลายเรขาคณิตที่เฉียบคม โดยความพิเศษของฤดูกาลนี้อยู่ที่การนำลายพิมพ์ที่แตกต่างกันมาผสมผสานกัน (Mix and Match) อย่างมีชั้นเชิงเพื่อสร้างลุคที่มีมิติและน่าสนใจ แบรนด์อย่าง Kenzo และ Dolce & Gabbana ได้แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการจับคู่ลายพิมพ์ที่ดูเหมือนไม่เข้ากัน ให้ออกมาเป็นผลลัพธ์ที่ลงตัวและเปี่ยมไปด้วยพลัง

การใช้ลายพิมพ์ที่หลากหลายไม่ได้เป็นเพียงการตกแต่ง แต่เป็นการสื่อสารเรื่องราวและบุคลิกของผู้สวมใส่ เทรนด์นี้บ่งบอกถึงความกล้าที่จะแตกต่างและการเฉลิมฉลองความหลากหลายในโลกแฟชั่น

พาเลตต์สีแห่งฤดูกาล: สดใสปะทะพาสเทล

เรื่องราวของสีสันในฤดูกาล Spring/Summer 2026 เป็นการปะทะกันอย่างน่าสนใจระหว่างสองขั้วอารมณ์ โทนสีสดใส (Vibrant Tones) อย่างสีแอปเปิ้ลกรีน (Apple Green) และสีชมพูสด (Hot Pink) กลายเป็นสีหลักที่สร้างความโดดเด่นและพลังบวกให้กับคอลเล็กชั่นต่างๆ สีเหล่านี้มักถูกใช้ในรูปแบบของ Total Look หรือเป็นสีไฮไลต์เพื่อดึงดูดสายตา ในทางกลับกัน โทนสีพาสเทล (Pastel Tones) ที่นุ่มนวลก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะสีม่วงลิลลี่ (Lily Purple) และสีเขียวมิ้นต์ (Mint Green) ซึ่งให้ความรู้สึกสบายตา ผ่อนคลาย และโรแมนติก แบรนด์ Jacquemus เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่นำเสนอการใช้สีพาสเทลได้อย่างงดงามผ่านชุดเดรสยาวที่พลิ้วไหวและไหลลื่น การปรากฏตัวของทั้งสองกลุ่มสีในฤดูกาลเดียวกันนี้สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ซึ่งมองหาทั้งความสนุกสนานและเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน

ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแบรนด์ชั้นนำ

ความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแบรนด์ชั้นนำ

นอกเหนือจากเทรนด์บนรันเวย์แล้ว MFW SS26 ยังเป็นเวทีที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในแบรนด์แฟชั่นระดับโลกหลายแห่ง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีนัยสำคัญต่อทิศทางของอุตสาหกรรมในภาพรวม

Gucci กับบทใหม่ภายใต้การนำของ Demna

ทุกสายตาในวงการแฟชั่นต่างจับจ้องไปที่