ส่อง Soft Power ไทย: 1 ปีผ่านไป ปังหรือแป้ก?
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา นโยบายการผลักดัน Soft Power ได้กลายเป็นวาระสำคัญที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมไทย การประเมินผลการดำเนินงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อทำความเข้าใจว่าทิศทางที่ผ่านมานั้นประสบความสำเร็จหรือยังคงมีช่องว่างที่ต้องเติมเต็ม การวิเคราะห์นี้จะพิจารณาถึงความสำเร็จและความท้าทายในมิติต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ
- นโยบาย Soft Power ของไทยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์วัฒนธรรมผ่านกลยุทธ์ 5F และการจัดกิจกรรมระดับนานาชาติ
- ความสำเร็จที่โดดเด่นคือการเติบโตของ “Y Economy” จากอุตสาหกรรมซีรีส์วาย ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและขยายฐานแฟนคลับในต่างประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ
- แม้จะได้รับการจัดอันดับที่ดีในเวทีโลก แต่ยังคงมีความท้าทายในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน และการส่งเสริมนโยบายให้ครอบคลุมและเชื่อมโยงทุกภาคส่วน
- การพัฒนา Soft Power ในระยะต่อไปจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการระหว่างภาครัฐและเอกชน รวมถึงการสนับสนุนนวัตกรรมเพื่อต่อยอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมให้เกิดมูลค่าสูงสุด
การประเมินว่าการ **ส่อง Soft Power ไทย: 1 ปีผ่านไป ปังหรือแป้ก?** นั้น จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน นโยบายนี้ไม่ใช่เพียงการส่งเสริมวัฒนธรรม แต่เป็นยุทธศาสตร์ชาติในการใช้อิทธิพลทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศบนเวทีโลก ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ริเริ่มโครงการและกิจกรรมต่างๆ มากมาย โดยมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลายให้กลายเป็นสินค้าและบริการที่สร้างรายได้และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล บทความนี้จะสำรวจลึกลงไปในผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง ทั้งในส่วนที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามและส่วนที่ยังเป็นโจทย์ท้าทายรอการแก้ไข
ความสำคัญของการประเมินผลนโยบาย Soft Power ในครั้งนี้อยู่ที่เป็นการทบทวนยุทธศาสตร์ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนและการดำเนินงานในอนาคตจะสามารถตอบโจทย์เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การส่งออก และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การทำความเข้าใจว่านโยบายที่ผ่านมา “ปัง” ในมิติใด และยัง “แป้ก” ในส่วนไหน จะเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้กำหนดนโยบาย ผู้ประกอบการ ศิลปิน และประชาชนทั่วไปในการร่วมกันกำหนดทิศทางของ Soft Power ไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ภาพรวมและหมุดหมายของ Soft Power ไทย
ในช่วงปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการผลักดัน Soft Power ให้เป็นเครื่องมือหลักในการพัฒนาประเทศ การดำเนินงานมุ่งเน้นไปที่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่เดิม โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและสร้างการยอมรับในประชาคมโลก แนวทางหลักคือการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนและสร้างกลไกสนับสนุนที่เป็นระบบมากขึ้น
นิยามและความสำคัญของ Soft Power ในยุคปัจจุบัน
Soft Power หรือ “พลังละมุน” คือความสามารถในการสร้างอิทธิพลหรือจูงใจให้ผู้อื่นคล้อยตามโดยไม่ใช้การบังคับหรืออำนาจทางทหาร แต่ใช้วิธีการสร้างเสน่ห์และความน่าดึงดูดใจผ่านมิติต่างๆ เช่น วัฒนธรรม ค่านิยมทางการเมือง และนโยบายต่างประเทศ ในบริบทของประเทศไทย Soft Power หมายถึงการนำเสนอเอกลักษณ์และสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ภาพยนตร์ ดนตรี แฟชั่น ศิลปะการต่อสู้ หรือเทศกาลประเพณี เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและส่งเสริมให้เกิดความสนใจในสินค้าและบริการของไทย ซึ่งจะนำไปสู่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการทูตในระยะยาว
กลยุทธ์ 5F: หัวใจหลักในการขับเคลื่อน
เพื่อให้นโยบายเป็นรูปธรรมและมีทิศทางที่ชัดเจน รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนผ่านอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ 5 สาขาหลัก หรือที่เรียกว่า “5F” ซึ่งเปรียบเสมือนแกนกลางในการส่งเสริมและพัฒนา ประกอบด้วย:
- Food (อาหาร): การผลักดันอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล ไม่ใช่แค่ในฐานะอาหารริมทางหรืออาหารในร้านหรู แต่รวมถึงการส่งเสริมวัตถุดิบ สมุนไพร และนวัตกรรมด้านอาหาร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่อุปทาน
- Film (ภาพยนตร์และวีดิทัศน์): การสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์และคอนเทนต์ของไทย ตั้งแต่การผลิต การพัฒนาบท การสร้างบุคลากร ไปจนถึงการส่งเสริมการตลาดในต่างประเทศ และการดึงดูดกองถ่ายทำจากทั่วโลกให้เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ
- Fashion (การออกแบบแฟชั่นไทย): การส่งเสริมศักยภาพของนักออกแบบไทยและการใช้ผ้าไทยหรือวัตถุดิบท้องถิ่นในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีเอกลักษณ์และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
- Fighting (ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย): การนำเสนอเสน่ห์ของมวยไทยและศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ในฐานะกีฬาและมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงกีฬาและสุขภาพ และสร้างแรงบันดาลใจผ่านสื่อต่างๆ
- Festival (เทศกาลประเพณีไทย): การยกระดับเทศกาลประเพณีดั้งเดิม เช่น สงกรานต์ ลอยกระทง ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการจัดเทศกาลร่วมสมัย เช่น เทศกาลดนตรีและศิลปะ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและดึงดูดนักท่องเที่ยว
กลยุทธ์ 5F นี้ทำหน้าที่เป็นกรอบการทำงานที่ช่วยให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกันและเกิดการบูรณาการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม: ความสำเร็จที่น่าจับตา
ตลอดหนึ่งปีของการขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power อย่างเข้มข้น ได้ปรากฏผลสำเร็จที่จับต้องได้ในหลายมิติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยที่พร้อมจะเติบโตในเวทีโลก
การเติบโตของ Soft Power ไทยไม่ได้เป็นเพียงกระแสชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากการสั่งสมทุนทางวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน เมื่อได้รับการส่งเสริมอย่างถูกทิศทาง จึงสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งได้
อันดับบนเวทีโลกและจุดแข็งที่ได้รับการยอมรับ
หนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จที่สำคัญคือการจัดอันดับในเวทีสากล จากข้อมูล Global Soft Power Index 2022 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 35 ของโลกจากทั้งหมด 120 ประเทศ และเป็นอันดับ 6 ในทวีปเอเชีย ซึ่งถือเป็นอันดับที่น่าพอใจและแสดงให้เห็นถึงการยอมรับในระดับนานาชาติ จุดแข็งของไทยที่ได้รับคะแนนสูง ได้แก่ ด้านธุรกิจและการค้า, วัฒนธรรมและมรดก, รวมถึงด้านผู้คนและค่านิยม ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่าประเทศไทยมีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งและเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการต่อยอดนโยบาย Soft Power ให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีก
Y Economy: ปรากฏการณ์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมบันเทิงไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ซีรีส์วาย” (Y Series หรือ Boy’s Love Series) ได้สร้างปรากฏการณ์ความนิยมไปทั่วโลก จนก่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “Y Economy” ซีรีส์เหล่านี้ไม่เพียงได้รับความนิยมในประเทศ แต่ยังสามารถเจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา สร้างฐานแฟนคลับขนาดใหญ่ที่พร้อมจะสนับสนุนนักแสดงและซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้อง ปรากฏการณ์นี้ได้ปลุกกระแสเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้คึกคัก เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมบันเทิงเพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวตามรอยซีรีส์ และสร้างภาพลักษณ์ที่เปิดกว้างและทันสมัยให้กับประเทศไทย ความสำเร็จของ Y Economy เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการที่วัฒนธรรมป๊อปสามารถกลายเป็น Soft Power ที่ทรงพลังและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล
SPLASH – Soft Power Forum 2025: ก้าวสำคัญสู่เวทีนานาชาติ
เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นและแสดงศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นที่ประจักษ์ รัฐบาลได้จัดการประชุมนานาชาติครั้งยิ่งใหญ่ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งานนี้ถือเป็นเวทีสำคัญระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวบรวมผู้นำทางความคิด ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จากทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ การจัดงานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการยกระดับการขับเคลื่อน Soft Power ของไทยจากระดับนโยบายสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม และเป็นการส่งสัญญาณไปยังประชาคมโลกว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภูมิภาค
ความท้าทายและโอกาสในการพัฒนา
แม้จะมีความสำเร็จที่น่าชื่นชม แต่การเดินทางของ Soft Power ไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนานโยบายให้มีประสิทธิภาพและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
การส่งเสริมที่ยังขาดความเชื่อมโยงและบูรณาการ
หนึ่งในความท้าทายหลักคือการดำเนินนโยบายที่ยังขาดการบูรณาการอย่างแท้จริง การส่งเสริมมักกระจุกตัวอยู่ในบางอุตสาหกรรมหรือเป็นเพียงการสร้างกระแสในระยะสั้น โดยขาดการวางแผนสนับสนุนในระยะยาว ตัวอย่างเช่น ปรากฏการณ์ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ที่กลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลก แต่กลับไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการต่อยอดกระแสให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่น การส่งเสริมการส่งออกมะม่วงคุณภาพ หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมนโยบายจึงจำเป็นต้องเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นไปจนถึงการตลาดในระดับสากล เพื่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างและยั่งยืน
การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์
อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญคือระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ยังไม่เอื้อต่อการเติบโตของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมได้อย่างเต็มที่ แม้ภาครัฐจะให้การสนับสนุน แต่บางครั้งอาจมีกฎระเบียบหรือกระบวนการที่ซับซ้อนและเป็นอุปสรรคต่องานสร้างสรรค์ การจะทำให้ Soft Power ไทย “ปัง” อย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและให้อิสระแก่ศิลปินและผู้ประกอบการในการทดลองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงแหล่งทุน การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพื่อให้วงการสร้างสรรค์ของไทยสามารถพัฒนาและปรับตัวตามกระแสโลกได้อย่างรวดเร็ว
บทสรุป: ส่อง Soft Power ไทย 1 ปีผ่านไป ปังหรือแป้ก?
มิติการประเมิน | ด้านที่ประสบความสำเร็จ (ปัง) | ประเด็นท้าทาย (แป้ก/ต้องพัฒนา) |
---|---|---|
นโยบายและภาพรวม | มีการกำหนดทิศทางชัดเจนผ่านกลยุทธ์ 5F และได้รับความสำคัญในระดับชาติ | การบูรณาการระหว่างหน่วยงานยังไม่เต็มประสิทธิภาพ การดำเนินงานบางส่วนยังขาดความต่อเนื่อง |
อุตสาหกรรมบันเทิง | ความสำเร็จของ Y Economy สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและชื่อเสียงในต่างประเทศ | ต้องการการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบที่เอื้อต่อการผลิตคอนเทนต์ที่หลากหลาย |
วัฒนธรรมและอาหาร | อาหารไทยและเทศกาลยังคงเป็นจุดขายที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในระดับโลก | ขาดกลไกต่อยอดกระแสไวรัล (เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง) ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน |
การยอมรับในระดับสากล | อันดับใน Global Soft Power Index อยู่ในเกณฑ์ดี จัดงานระดับนานาชาติ (SPLASH 2025) ได้สำเร็จ | ต้องสร้างความเข้าใจและเรื่องราวที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อเปลี่ยนจากความชื่นชอบไปสู่ความเชื่อมั่น |
ทิศทางสู่อนาคต: จากศักยภาพสู่ความยั่งยืน
โดยสรุปแล้ว การขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของไทยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมามีทั้งส่วนที่ “ปัง” และส่วนที่ยังต้องพัฒนาต่อยอดอย่างจริงจัง ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าประเทศไทยมีศักยภาพและต้นทุนทางวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะแข่งขันและสร้างอิทธิพลบนเวทีโลก อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่ยังคงอยู่สะท้อนให้เห็นว่าการจะเปลี่ยนศักยภาพเหล่านี้ให้กลายเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืนนั้นจำเป็นต้องอาศัยวิสัยทัศน์ที่ไกลกว่าเดิมและการทำงานที่บูรณาการยิ่งขึ้น
ทิศทางในอนาคตจึงควรพุ่งเป้าไปที่การสร้างระบบนิเวศสร้างสรรค์ที่แข็งแรงและเปิดกว้าง การส่งเสริมต้องไม่หยุดอยู่แค่การสร้างกระแส แต่ต้องวางรากฐานให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับนานาชาติ การลงทุนในบุคลากร การสนับสนุนนวัตกรรม และการปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัย จะเป็นกุญแจสำคัญที่ปลดล็อกศักยภาพของ Soft Power ไทยได้อย่างเต็มที่ การเดินทางนี้ยังอีกยาวไกล และความสำเร็จที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนในสังคมร่วมมือกันผลักดันให้พลังละมุนของไทยกลายเป็นพลังที่สร้างสรรค์และยั่งยืนอย่างแท้จริง