“`html

ล้างบางแอปเก่า! รัฐสั่งรวมบริการใน Super App

สารบัญ

รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการปฏิรูปบริการดิจิทัลครั้งสำคัญผ่านนโยบาย ล้างบางแอปเก่า! รัฐสั่งรวมบริการใน Super App โดยมีเป้าหมายเพื่อรวบรวมแอปพลิเคชันบริการภาครัฐที่กระจัดกระจายกว่า 150 บริการเข้ามาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวภายใต้ชื่อ “ทางรัฐ” การเปลี่ยนแปลงนี้มุ่งหวังที่จะเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการของประชาชน แต่ในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี

สรุปประเด็นสำคัญของการเปลี่ยนแปลง

  • การรวมศูนย์บริการ: รัฐบาลกำลังผลักดันให้มีการรวมบริการภาครัฐมากกว่า 150 รายการเข้าไว้ในแอปพลิเคชันเดียวที่ชื่อว่า “ทางรัฐ” เพื่อลดความซ้ำซ้อนและสร้างมาตรฐานเดียวกัน
  • ยุติแอปพลิเคชันเดิม: มีการส่งเสริมให้ประชาชนถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันบริการภาครัฐรุ่นเก่าที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อเปลี่ยนมาใช้ Super App “ทางรัฐ” เป็นช่องทางหลักเพียงช่องทางเดียว
  • ความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ: เป้าหมายหลักคือการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ประกันสังคม, การชำระภาษี, และข้อมูลด้านสุขภาพ ผ่านแพลตฟอร์มเดียว
  • ความปลอดภัยของข้อมูล: การเปลี่ยนผ่านนี้มาพร้อมกับความกังวลด้านความปลอดภัยไซเบอร์และข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกแนวทางปฏิบัติเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน
  • การเปลี่ยนผ่านที่ไม่สะดุด: ทางการยืนยันว่าผู้ใช้งานสามารถลงทะเบียนและใช้งาน Super App ใหม่ได้โดยไม่สูญเสียสิทธิประโยชน์หรือข้อมูลเดิมที่เคยมีในระบบราชการ

นโยบาย ล้างบางแอปเก่า! รัฐสั่งรวมบริการใน Super App เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์รัฐบาลดิจิทัลที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการประชาชนให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ถูกวางให้เป็นประตูสู่บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service) ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและลดภาระของประชาชนในการต้องติดตั้งและเรียนรู้การใช้งานแอปพลิเคชันจำนวนมาก โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ แต่ยังเป็นการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศในระยะยาว

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นจากความต้องการแก้ไขปัญหาความซ้ำซ้อนและความไม่เชื่อมโยงกันของแอปพลิเคชันภาครัฐในอดีต ซึ่งแต่ละหน่วยงานต่างพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเอง ทำให้ประชาชนต้องดาวน์โหลดหลายแอปเพื่อทำธุรกรรมที่แตกต่างกัน Super App จึงเป็นคำตอบในการสร้างความเป็นเอกภาพและเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐต่างๆ

ทำความเข้าใจ Super App ภาครัฐ: การปฏิรูปบริการดิจิทัลครั้งใหญ่

การมาถึงของ Super App ภาครัฐไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี แต่เป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการให้บริการประชาชนครั้งสำคัญ การทำความเข้าใจแนวคิดและเป้าหมายเบื้องหลังจะช่วยให้เห็นภาพรวมของการปฏิรูปครั้งนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

นิยามของ Super App และเหตุผลในการนำมาใช้

Super App คือแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มกลางซึ่งรวบรวมบริการย่อยๆ ที่หลากหลายและแตกต่างกันไว้ในที่เดียว แทนที่ผู้ใช้จะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหลายตัวสำหรับแต่ละความต้องการ Super App จะมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ เช่น การเงิน, การสื่อสาร, การเดินทาง, และบริการภาครัฐ ได้จากแอปพลิเคชันเดียว แนวคิดนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในภาคเอกชน และภาครัฐได้นำมาปรับใช้เพื่อเป้าหมายดังต่อไปนี้:

  • ลดความซ้ำซ้อน: แก้ปัญหาที่แต่ละหน่วยงานรัฐต่างพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเอง ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณและทรัพยากร
  • เพิ่มความสะดวกสบาย: ประชาชนไม่ต้องจดจำชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของหลายระบบ สามารถใช้ Digital ID เดียวในการเข้าถึงทุกบริการ
  • สร้างมาตรฐานกลาง: ทำให้การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX/UI) และมาตรฐานความปลอดภัยเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
  • บูรณาการข้อมูล: ช่วยให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์และวางแผนนโยบายที่แม่นยำ

รู้จักแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”: ศูนย์กลางบริการครบวงจร

“ทางรัฐ” (Thang Rat หรือ Via State) คือชื่ออย่างเป็นทางการของ Super App ภาครัฐของไทย ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการเข้าถึงบริการของรัฐบาลแบบดิจิทัล แอปพลิเคชันนี้ได้รวบรวมบริการที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของประชาชนไว้มากมาย ตัวอย่างบริการที่สำคัญในแอป “ทางรัฐ” ได้แก่:

  • ข้อมูลทะเบียนราษฎร: การตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล, การคัดสำเนาทะเบียนบ้าน
  • สิทธิประโยชน์ภาครัฐ: ตรวจสอบสิทธิประกันสังคม, สิทธิหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง), เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด
  • การเงินและภาษี: การยื่นและชำระภาษี, ตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร, เช็กยอดหนี้ กยศ.
  • ยานพาหนะและการเดินทาง: การต่อภาษีรถยนต์ประจำปี, ตรวจสอบใบสั่งจราจร
  • บริการด้านสาธารณูปโภค: การชำระค่าน้ำ ค่าไฟ (ในบางพื้นที่)
  • กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet): รองรับการรับเงินช่วยเหลือหรือเงินอุดหนุนจากโครงการต่างๆ ของรัฐบาล

แพลตฟอร์ม “ทางรัฐ” ถูกออกแบบมาให้สามารถขยายและเพิ่มบริการใหม่ๆ เข้ามาได้ในอนาคต เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

กระบวนการเปลี่ยนผ่าน: จากแอปเก่าสู่ Super App “ทางรัฐ”

กระบวนการเปลี่ยนผ่าน: จากแอปเก่าสู่ Super App "ทางรัฐ"

การเปลี่ยนผ่านสู่ Super App เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน เพื่อให้การรวมศูนย์บริการเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพสูงสุด

ความจำเป็นในการยุติการใช้งานแอปพลิเคชันเดิม

คำแนะนำของภาครัฐให้ประชาชน “ล้างบางแอปเก่า” หรือถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันบริการเดิมๆ ออกไปนั้น มีเหตุผลสำคัญหลายประการ:

  1. เพื่อลดความสับสน: การมีแอปพลิเคชันหลายตัวที่ให้บริการคล้ายคลึงกันอาจสร้างความสับสนให้แก่ผู้ใช้งาน ว่าควรจะใช้แอปใดเป็นหลัก
  2. เพื่อรวมศูนย์การอัปเดต: การบำรุงรักษาและอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงการปรับปรุงด้านความปลอดภัย จะทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าเมื่อรวมอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว
  3. เพื่อความปลอดภัย: แอปพลิเคชันเก่าที่ไม่มีการพัฒนาต่ออาจกลายเป็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัย การผลักดันให้ทุกคนมาใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงจึงเป็นสิ่งจำเป็น
  4. เพื่อประสิทธิภาพของระบบ: การยุติการใช้งานระบบเก่าจะช่วยให้หน่วยงานรัฐสามารถทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดไปกับการพัฒนาและดูแล Super App ให้มีเสถียรภาพและตอบสนองความต้องการได้ดีที่สุด

ขั้นตอนการลงทะเบียนและเริ่มต้นใช้งาน “ทางรัฐ”

สำหรับประชาชนที่กังวลว่าการเปลี่ยนแอปพลิเคชันจะทำให้ข้อมูลหรือสิทธิประโยชน์เดิมหายไปนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความมั่นใจว่ากระบวนการลงทะเบียนในแอป “ทางรัฐ” ถูกออกแบบมาให้เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลกลางของภาครัฐ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลและสิทธิของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเพิ่งเริ่มใช้งานแอปใหม่ก็ตาม โดยทั่วไปขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งานจะประกอบด้วย:

  • การดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: สามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store (iOS) และ Google Play Store (Android)
  • การยืนยันตัวตน (e-KYC): ผู้ใช้จะต้องทำการยืนยันตัวตนผ่านระบบ Digital ID ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับการใช้บัตรประจำตัวประชาชนและการสแกนใบหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเจ้าของข้อมูลที่แท้จริง
  • การตั้งค่าความปลอดภัย: ผู้ใช้ควรกำหนดรหัสผ่านที่รัดกุมและเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) หากแอปพลิเคชันมีให้ใช้งาน
  • การสำรวจและใช้งานบริการ: หลังจากลงทะเบียนสำเร็จ ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ที่มีอยู่ในแอปพลิเคชันได้ทันที
ตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างการใช้แอปบริการแบบเดิมกับ Super App “ทางรัฐ” เพื่อให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น
คุณสมบัติ แอปบริการแบบเดิม (Standalone Apps) Super App “ทางรัฐ”
การเข้าถึงบริการ ต้องดาวน์โหลดหลายแอปพลิเคชันสำหรับแต่ละบริการ แยกจากกัน เข้าถึงทุกบริการได้ในแอปพลิเคชันเดียว
การจัดการข้อมูล ข้อมูลกระจัดกระจายตามแต่ละหน่วยงาน ไม่เชื่อมโยงกัน ข้อมูลถูกบูรณาการและเชื่อมโยงกันผ่าน Digital ID เดียว
ประสบการณ์ผู้ใช้ รูปแบบการใช้งานและหน้าตาแอปแตกต่างกันไป ขาดมาตรฐาน มีมาตรฐานการออกแบบเดียวกัน ทำให้เรียนรู้การใช้งานได้ง่าย
ความปลอดภัย มาตรฐานความปลอดภัยแตกต่างกันในแต่ละแอป อาจมีช่องโหว่ มีมาตรฐานความปลอดภัยกลางที่รัดกุมและอัปเดตสม่ำเสมอ
การบำรุงรักษา หน่วยงานต้องดูแลระบบของตนเอง ทำให้เกิดความซ้ำซ้อน ดูแลและพัฒนาระบบจากส่วนกลาง ทำให้มีประสิทธิภาพสูง

ความท้าทายด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

การรวมข้อมูลและบริการจำนวนมากไว้ในที่เดียว แม้จะเพิ่มความสะดวกสบาย แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายด้านความปลอดภัยไซเบอร์และข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในการรวมศูนย์ข้อมูล

การมี Super App เปรียบเสมือนการสร้าง “ประตูหน้าบานใหญ่” ที่เชื่อมต่อกับข้อมูลสำคัญของประชาชนจำนวนมหาศาล ซึ่งทำให้มันกลายเป็นเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงสำหรับอาชญากรไซเบอร์ ความเสี่ยงที่สำคัญคือ:

การรวมศูนย์ข้อมูลทำให้ Super App กลายเป็นจุดเสี่ยงเดียวที่อาจล่มได้ทั้งหมด (Single Point of Failure) หากระบบถูกโจมตีหรือขัดข้อง อาจส่งผลกระทบต่อบริการภาครัฐทั้งหมดพร้อมกัน

ภัยคุกคามอื่นๆ รวมถึงการโจมตีเพื่อขโมยข้อมูล (Data Breach), การโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (DDoS Attack) เพื่อทำให้ระบบล่ม, หรือการสร้างแอปพลิเคชันปลอมเพื่อหลอกลวง (Phishing) ให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว ดังนั้น การวางสถาปัตยกรรมระบบที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูง การเข้ารหัสข้อมูลที่แข็งแกร่ง และการมีทีมงานเฝ้าระวังภัยคุกคามตลอด 24 ชั่วโมงจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

ประเด็นข้อมูลส่วนบุคคลและบทบาทของ Digital ID

Digital ID หรือการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล คือหัวใจสำคัญของ Super App ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยและน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม การใช้ Digital ID ในการเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายหน่วยงานทำให้เกิดประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ:

  • การเก็บและใช้ข้อมูล: ต้องมีความโปร่งใสว่ารัฐบาลเก็บข้อมูลอะไรบ้าง, นำไปใช้วัตถุประสงค์ใด, และมีการเปิดเผยให้หน่วยงานใดบ้าง
  • การให้ความยินยอม: ประชาชนควรมีสิทธิ์ในการควบคุมข้อมูลของตนเองและให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลระหว่างหน่วยงานตามความจำเป็น
  • การปฏิบัติตามกฎหมาย: การดำเนินงานของ Super App ต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อย่างเคร่งครัด

แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้งาน

นอกเหนือจากมาตรการของภาครัฐแล้ว ผู้ใช้งานเองก็มีบทบาทสำคัญในการปกป้องข้อมูลของตนเอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เผยแพร่คำแนะนำและคู่มือเพื่อให้ประชาชนสามารถเปลี่ยนผ่านและใช้งาน Super App ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งรวมถึงแนวทางปฏิบัติดังนี้:

  • ตั้งรหัสผ่านที่คาดเดายาก: ใช้รหัสผ่านที่ประกอบด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ และไม่ใช้รหัสผ่านเดียวกันกับบริการอื่น
  • เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA): เป็นการเพิ่มเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง แม้รหัสผ่านจะรั่วไหล บัญชีก็ยังปลอดภัย
  • ระวังอีเมลและ SMS หลอกลวง: อย่าคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือซึ่งอ้างว่ามาจากแอป “ทางรัฐ”
  • อัปเดตแอปพลิเคชันเสมอ: การอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดจะช่วยปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจถูกค้นพบ
  • ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึงของแอป: อนุญาตให้แอปเข้าถึงข้อมูลเท่าที่จำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น

ผลกระทบและอนาคตของบริการภาครัฐดิจิทัลในไทย

การเปิดตัว Super App “ทางรัฐ” ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์ของบริการภาครัฐและกำหนดทิศทางของการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในอนาคต

ข้อดีและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการเปลี่ยนแปลง

การรวมบริการไว้ในแพลตฟอร์มเดียวจะก่อให้เกิดประโยชน์ในหลายมิติ ทั้งต่อประชาชนและต่อภาครัฐเอง:

  • สำหรับประชาชน:
    • ความสะดวกสบายสูงสุด: สามารถทำธุรกรรมกับภาครัฐได้ทุกที่ทุกเวลา ลดความจำเป็นในการเดินทางไปติดต่อที่สำนักงาน
    • ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    • การเข้าถึงข้อมูลแบบรวมศูนย์: สามารถตรวจสอบข้อมูลและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของตนเองได้ในที่เดียว
  • สำหรับภาครัฐ:
    • ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น: ลดภาระงานเอกสารและงานบริการหน้าเคาน์เตอร์ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถมุ่งเน้นไปที่งานเชิงวิเคราะห์และนโยบายได้มากขึ้น
    • การบูรณาการข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ: ข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทำให้รัฐบาลเห็นภาพรวมของประเทศและสามารถวางแผนนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ดีขึ้น
    • ลดต้นทุนในระยะยาว: ลดงบประมาณในการพัฒนาและบำรุงรักษาแอปพลิเคชันที่ซ้ำซ้อน

ทิศทางการพัฒนา Super App ในอนาคต

Super App “ทางรัฐ” เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปบริการภาครัฐดิจิทัล ในอนาคตคาดว่าจะมีการพัฒนาต่อยอดในหลายด้าน เช่น:

  • การเพิ่มบริการใหม่ๆ: จะมีการนำบริการภาครัฐที่เหลือเข้ามาในแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องจนครบวงจร
  • การเชื่อมต่อกับภาคเอกชน: อาจมีการเชื่อมโยงบริการกับภาคเอกชน เช่น ธนาคาร, บริษัทประกัน, หรือผู้ให้บริการสาธารณูปโภค เพื่อสร้างระบบนิเวศบริการที่สมบูรณ์
  • การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI): อาจมีการนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำเสนอบริการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล (Personalized Services) หรือใช้เป็น Chatbot เพื่อตอบคำถามและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
  • การยกระดับความปลอดภัย: จะมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

บทสรุปและแนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชน

นโยบาย ล้างบางแอปเก่า! รัฐสั่งรวมบริการใน Super App ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” คือก้าวสำคัญในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย โครงการนี้มุ่งหวังที่จะปฏิวัติวิธีการที่ประชาชนมีปฏิสัมพันธ์กับภาครัฐ โดยมอบความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพ และการเข้าถึงบริการที่ง่ายดายยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังมาพร้อมกับความท้าทายด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งภาครัฐและประชาชนต้องร่วมมือกันจัดการ

สำหรับประชาชน การเปิดรับเทคโนโลยีใหม่และปฏิบัติตามแนวทางด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย การติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างเป็นทางการจะช่วยให้เข้าใจขั้นตอนและใช้ประโยชน์จาก Super App “ทางรัฐ” ได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใสยิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล

“`